ในบรรดาสิ่งที่อยู่ในเบื้องลึกแห่งรากวิสัยของมนุษย์ หลายคนบอกความโลภร้ายแรงสุด บางคนบอกความโกรธร้ายแรงสุด แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกๆ เราจะเห็นได้อย่างแจ่มแจ้งว่า แท้จริง โมหะหรือความหลงต่างหากเป็นดุจกระดุมเม็ดแรก ที่หากติดผิดที่ผิดทางแล้ว จะกลายเป็นกระดุมแห่งความทุกข์
หลงใหล หลงผิด หลงชอบ หลงทาง ทุกความหลงเป็นภัยต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อหลงแล้วสิ่งหนึ่งที่ตามมา คือ ความผิดพลาดต่างๆ จะเกิดขึ้น ความหลงจึงเป็นเหตุแห่งทุกข์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะหลงไม่รู้ความจริงแห่งจิตวิญญาณ
ธรรมะ ข้อโมหะนี้ เป็นธรรมที่พุทธศาสนาในมหายานนั้น ให้ความสำคัญอย่างมาก และเป็นธรรมที่ลามะ ริมโปเช คุรุธรรมทั้งหลายต่างยึดมั่นในจิตใจ และเผยแผ่ ให้ศาสนิกชนในสายวัชรยานยึดถืออย่างเคร่งครัด
มนุษย์ทั้งปวงหลงไม่รู้ความจริง ด้วยการแสวงหาแต่วัตถุภายนอกโดยเชื่อว่า เมื่อมีวัตถุภายนอกครบครัน ชีวิตนั้นจะทุกข์น้อยลง แต่ความจริงแล้ว เมื่อได้ทุกสิ่งมาครอบครองก็ยังคงมีความทุกข์อยู่เช่นเดิม
แต่ทุกข์ที่ว่ามักจะเป็นทุกข์ในใจ ทุกข์ที่ไม่สามารถใช้วัตถุใดๆ บำบัดได้เลย แต่ต้องใช้ความรู้ในธรรมเพื่อไม่ให้ตนหลงไม่รู้อีกต่อไป
ผู้ที่ไม่รู้แล้วตื่นฟื้นค้นคว้าศึกษายังหยุดความหลงได้ แต่คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ คือคนที่น่าสงสารสุด
ในพุทธศาสนา เถรวาท นิยมให้เข้าใจและรู้จักความโลภ ความโกรธ ความหลง โดยรวมเรียกชื่อว่า กิเลส แต่พุทธศาสนามหายาน เน้นแค่เพียงความหลง สอนอย่างละเอียดว่าหลงแล้วเป็นอย่างไร เป็นภัยในใจอย่างไร เป็นภัยต่อการใช้ชีวิตอย่างไร เน้นส่วนนี้มากที่สุด เหมือนท่านนาคารชุน ปราชญ์แห่งมหายาน ท่านเคยสอนเอาไว้
ในวันนี้ถ้าเรามาเรียนรู้ โมหะ หรือ ความหลงเพียงอย่างเดียวแบบทุกมิติ อย่างละเอียดเราจะเบาใจของเรามากขึ้น อย่างปาฏิหาริย์ เราจะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความหลงใดๆ เกิดขึ้นถ้าไม่ขาดสติ ความหลงน้อยลง ความรู้ที่เป็นวิชชามากขึ้น ความสุขในใจก็มากขึ้น ที่สำคัญเราไม่เป็นต้นเหตุทำให้ใครเป็นทุกข์เพราะเรา...
นี่คือ ธรรมที่น่าสรรเสริญยิ่ง