เปลี่ยนใจครั้งเดียว มีความสุขมากขึ้น

21 ส.ค. 2567 | 20:45 น.

เปลี่ยนใจครั้งเดียว มีความสุขมากขึ้น คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

เป้าหมายชีวิตของคนแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนมีเป้าหมายแสวงหาความสำเร็จ แสวงหาสถานะทางสังคม ตลอดทั้งฐานะเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงและอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นความต้องการในทางโลก เพื่อใช้ชีวิตและก็คิดว่า ถ้าทำสำเร็จได้ทุกอย่างจะมีความสุขเป็นอย่างมาก

 

เปลี่ยนใจครั้งเดียว มีความสุขมากขึ้น

 

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เงินสำคัญสำหรับเราตั้งแต่เกิดจนตาย และเงินสามารถบรรเทาทุกข์ต่างๆ ได้หลากหลายเรื่องราว และในมุมกลับการเงินก็สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ได้ ถ้าเงินนั้นมีที่มาเป็นทุจริต ถ้าเงินนั้นมีที่มาด้วยการหลอกลวง วันหนึ่งเราก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น

ก็แสวงหาเงินทอง จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก แต่ที่มาของการได้แห่งเงินทองนั้นต้องบริสุทธิ์ต่างหาก เงินทองนั้นจึงจะเกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัวเป็นที่สุด แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลย แม้มีฐานะในทางสังคมอย่างดี แต่ที่มาแห่งเงินนั้นอาจทุจริตคอร์รัปชัน ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง จากในสังคมของเขาเอง นั่นแหละยิ่งเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เกิดความทุกข์

ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับอุบาสิกาวรรษกร ค้าไกล หรือที่ใครๆ มักจะเรียกท่านว่าแม่ชีนิด ท่านเป็นอุบาสิกาที่มุ่งมั่นศึกษาเรียนรู้เพื่อน้อมนำมาปฏิบัติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ แม่ชีนิดได้กรุณาเล่าให้เราฟังว่า

 

เปลี่ยนใจครั้งเดียว มีความสุขมากขึ้น

 

สมัยที่ยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ได้มุ่งมั่นในการทำงานทำการอย่างมาก ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจน พร้อมระบุเวลาในการที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย ทำทุกอย่างด้วยความเพียร ทำทุกอย่างด้วยสติที่ตั้งมั่น ไม่เคยยอมแพ้ อุปสรรคใดๆ ได้แต่ปลอบใจและหลอกสมองตัวเองไปวันๆ ว่า ทุกปัญหามีทางแก้ไข ทุกปัญหามีทางออกได้ กระทั่งวันหนึ่งแม้จะทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายแล้ว แต่ตัวเองกลับไม่รู้สึกว่าตนเองมีความสุขใดๆ เลย

จึงได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรกันแน่ที่จะทำให้ชีวิตเราเบาสบายสงบและมีความสุข กระทั่งได้อ่านหนังสือและได้รับคำแนะนำจากผู้คนมากมาย ว่าควรปฏิบัติธรรม จะทำให้เรามีความสุข ไม่เสื่อมจากอัตภาพกายแห่งความเป็นมนุษย์ ไปสู่อัตภาพกายที่ต่ำกว่ามีเดรัจฉาน เป็นต้น

นับจากนั้นเป็นต้นมาจึงได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติ จนกระทั่งได้ถึงเวลาพอควรจึงขอหลวงพ่อออกบวชเป็นอุบาสิกา ถือศีล 8 ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในทุกค่ำคืน

เมื่อปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่งคล้ายบุญเก่าส่งผลให้ ทำให้เกิดปิติ ทำให้เกิดปัญญาในระดับหนึ่ง จึงตัดสินใจขอให้หลวงพ่อเจ้าคุณได้บวชให้ ซึ่งท่านก็เมตตาตามปรารถนา ณ วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี การเดินทางจากอ่าวลึกจังหวัดกระบี่ มาสู่บวรพระพุทธศาสนา ด้วยความเคารพ และปรารถนาที่จะปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อ จึงต้องมาจำพรรษาอยู่ที่วัดกระโจมทอง

ได้พบเห็นธรรมอะไรบ้าง จากการนั่งภาวนา?

"สิ่งที่ได้กับตัวเองมากที่สุด คือเมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรื่องใดเรื่องหนึ่งเข้ามากระทบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะหงุดหงิดแล้วก็โกรธตอบหรือบางครั้งก็อาจมีการใช้คำพูดรุนแรง แต่เมื่อมาปฏิบัติแล้วจิตใจก็ดูเหมือนจะเย็นลง ตลอดทั้งมีความนิ่งจากสมาธิมากขึ้น เกิดสติปัญญาในการใคร่ครวญวินิจฉัยอย่างละเอียดดีขึ้น จึงทำใหมีชีวิตที่ผิดพลาดน้อยลง ความใจร้อนต่างๆ ค่อยๆ ผ่อนคลายลง การตั้งเป้าหมายที่บีบรัดตัวเองก็ไม่มีอีกต่อไป ทุกอย่างปล่อยให้มันเลื่อนไหลไปตามภาวะปัจจุบัน จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าในการตั้งเป้าหมายและบีบรั้งตัวเองให้เป็นทุกข์ เมื่อเราทำสิ่งใดผิดพลาดซ้ำๆ ย้ำๆ บ่อยๆ ก็ยิ่งจะทำให้เรา อยากจะเดินออกห่างจากจุดตรงนั้นทุกที"

 

เปลี่ยนใจครั้งเดียว มีความสุขมากขึ้น

 

ปฏิบัติธรรมแนวทางไหน?

"ความจริงปฏิบัติธรรมนั้นเป็นแนวทางไหนก็สามารถปฏิบัติได้เหมือนกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราจะเน้นเลือกให้เหมาะสมกับจริตเราหรือไม่ หรือทำตามที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์สอนรัฐตัดตรงไปเลยก็ได้ไม่ต้องไปนั่งค้นคว้าหาวิธีการกันใหม่

การนั่งสมาธิภาวนา เป็นการฝึกจิตฝึกใจตามที่พระพุทธเจ้าสอน ส่วนคำบริกรรมหายใจเข้าหายใจออกใครจะว่าเป็นคำท่องใดก็ได้ไม่จำเป็นต้องสัมมาอะระหัง นะมะพะหรือแม้แต่พุทโธ ถ้าจิตใจของเราพร้อม เดี๋ยวองค์สมาธิย่อมปรากฏขึ้นเอง"

"คำว่าแนวไหนนั้นจริงๆ ต้องบอกว่าแนวของพระพุทธเจ้า เพียงแต่คนหลังๆ มาสร้างอุบายขึ้นกันมาเอง เพื่อให้เข้าถึงความสงบได้โดยง่าย มีคำบริกรรมในการยึดเหนี่ยวเอาไว้ เพื่อไม่ให้ส่งจิตออกไปข้างนอก ใครก็ตามถ้าปฏิบัติแล้ว ใจสงบได้เร็ว เขาจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น มีความทุกข์น้อยลงเป็นลำดับ แม้ว่ายังมิได้หมดทุกข์โดยสิ้นเชิงเหมือนพระอริยบุคคลก็ตาม แต่การหมดทุกข์แบบง่ายๆ ชั่วคราวแบบนี้ ก็ทำให้จิตใจ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากขึ้น มีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นในแต่ละวัน เพียงเท่านี้ก็เหมาะสมกับคนที่ต้องทำงานในทางโลกแล้ว"

นับได้ว่าเป็นคำแนะนำที่ค่อนข้างมีประโยชน์ เพราะอย่างน้อยเพียงแค่เราเปลี่ยนจิตใจของเราไปในทางกุศลมากขึ้น ความสุขก็ย่อมจะปรากฏมากขึ้นเช่นเดียวกัน ดีกว่าการใช้ชีวิตที่จมปลักอยู่กับความทุกข์และการแสวงหาแต่สิ่งภายนอกเพียงอย่างเดียว การดับทุกข์หลุดพ้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย เอาเป็นว่าให้เรามีความทุกข์น้อยลงได้จากเดิม เท่านี้เราก็มีกำลังใจในการใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้นกันทุกคน