พระรัตนตรัยในธรรมนาวา"วัง"

04 ก.ย. 2567 | 23:00 น.

พระรัตนตรัยในธรรมนาวา"วัง" คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริ จัดทำหนังสือ ธรรมนาวา"วัง" ขึ้นเพื่อสำหรับทรงถวายพระภิกษุสงฆ์และให้หน่วยงานในพระองค์นำไปเผยแผ่อบรมสอนประชาชนให้มีความเข้าใจคำสอนพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง สมบูรณ์ ตามความจริง เพื่อให้เกิดความสุข สงบ อย่างน้อยๆ เมื่อเข้าใจ เข้าถึงแล้วเมื่อปฏิบัติแล้ว ก็ทำให้มีความสุขมากขึ้นเพราะความทุกข์น้อยลง 

พระสงฆ์องค์เณร... จำนวนไม่น้อยในเมืองไทยเดินสายมู สายพระเกจิ ปลุกเสกเลขยันต์ เพื่อให้ผู้คนมาพึ่งในวัตถุที่เรียกว่า วัตถุมงคล ซึ่งถ้ามองกันแบบตรงไปตรงมา มิใช่เรื่องผิดแต่มิควรกระทำเพราะเข้าข่ายสีลัพพตปรามาสคือ เอาศีลมาปลุกเสกลูบคลำ 

พระราชภาวนาวัชรจารย์ วิ. (สุทัศน์ โกสโล)​ ท่านเป็นพระคณาจารย์ในสายวิปัสสนา บ่อยครั้งที่ได้รับอาราธนานิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสก เมื่อถามท่านว่า "หลวงพ่อไปนั่งปลุกเสกด้วยปลุกเสกอย่างไร"  ท่านเมตตาบอกว่า... 

"ใครปลุกเสกอะไรท่องอะไรอาตมาไม่ทราบ สำหรับอาตมานั้น อาตมาไปนั่งภาวนาสมาธิพิจารณาธรรม" 

หนังสือ หลักการชาวพุทธ ในชุดธรรมนาวา"วัง" แรกที่เห็นแอบนึกในใจว่า วิชาการไหมหนอ.. แต่พอได้อ่านตั้งแต่หน้าแรก... บอกเลยว่า วางไม่ลง เป็นหนังสือธรรมะที่เหมาะแก่ชาวพุทธทุกคนจริงๆ เพราะรวมธรรมะและวิธีปฏิบัติตั้งแต่เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด เน้นให้อยู่กับภาวะปัจจุบันขณะ และการพิจารณาธรรม 

บทแรกในหนังสือ  "พระรัตนตรัย" สิ่งสักการะสูงสุดสำหรับชาวพุทธ 

เมื่ออ่านแล้ว... ผมปฏิบัติตาม เกิดปีติ ขนลุก วูบวาบ น้ำตาไหล ผมได้อธิษฐานจิต ด้วยการเปล่งวาจาช้าๆ ด้วยประโยคที่มีปรากฏในหนังสือความว่า..

พุธโธ เม นาโถ   พระพุทธเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า

ธัมโม เม นาโถ   พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า

สังโฆ เม นาโถ  พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า 

เมื่อเปล่งวาจาช้าๆ ย้ำๆ ไปเรื่อยๆในจิต เรียกว่า ให้เป็นรอยประทับในจิตวิญญาณไปเลย.. ทำให้สามารถสัมผัสพลังงานทางใจบางอย่างได้เหมือนมีใครมากดสวิตช์เปิดแสงสว่างทางปัญญา สักครู่เย็นซาบ ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า สักครู่รู้สึกอบอุ่น ไม่โดดเดี่ยว ไม่เกรงภัยพาลใดๆ 

ประโยคหนึ่งของหนังสือที่ปรากฏความตามละเอียดว่า... 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการพึ่งพระรัตนตรัย เราพึ่งพระรัตนตรัยเพื่อประโยชน์ 2 ประการ คือ 

1. เพื่อเป็นพลังทางใจ
2. เพื่อเป็นพลังทางสติปัญญา 

การพึ่งพระรัตนตรัยเพื่อเป็นพลังทางใจ พึ่งโดยการระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่เสมอว่า

"พุทโธ เม นาโถ,  ธัมโม เม นาโถ,  สังโฆ เม นาโถ" 

ให้ระลึกจนจิตเกิดการผสมผสาน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัยให้ได้ จะเกิดคุณค่าของพระรัตนตรัยรองรับขึ้นมาในจิตจนประจักษ์ชัดในตนเอง

อานิสงส์ของการเข้าถึงพระรัตนตรัย

จิตดวงใดก็ตามที่ระลึกถึงพระรัตนตรัยย้ำๆซ้ำๆ จนกระทั่งการระลึกนั้นปิดแนบอยู่กับจิตจิตดวงนั้นจะมีกระแส พระรัตนตรัยรองรับในภพชาติที่ไม่ตกต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ซึ่งจะได้รับภพชาติแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาสลับกันไปอย่างนี้ตลอด หนึ่งแสนกัปป์ 

นี่แค่เพียงเบื้องต้น... ของหนังสือธรรมนาวา "วัง" ที่อ่านแล้วก็สามารถทำให้เรามีความสุขทางจิตวิญญาณ โดยที่ไม่ต้องพึ่งวัตถุใดๆ เลย และด้วยอานิสงส์ยังรองรับสภาวะแห่งความเป็นมนุษย์และเทวดาด้วย 

คนเราเกิดมากว่าจะเติบโตรู้ความสร้างกรรมดีกรรมชั่วมามากมาย จะไปอบายภูมิหรือที่ไหนก็ยังมีคติที่ไม่แน่นอน แต่ถ้าเราตระหนักได้ หันกลับมาสู่การศึกษาธรรมะที่ถูกต้อง ก็เลื่อนผ่านจิตวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ แต่นั่นต้องศึกษาจริงปฏิบัติจริง จริงคำเดียว สำเร็จทั้งชีวิต  

ความสมบูรณ์แห่งมนุษย์ ต้องมีทั้งความสุขทางกาย และ ความสุขทางใจ เหมือนเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ตรัสกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระบิดาว่า... 

"หน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาราษฏร์ เป็นของพระองค์พระเจ้าสุทโธทนะ ส่วนความสุขทางใจทางจิตวิญญาณของประชาราษฏร์เป็นหน้าที่ของตถาคต" 

บ่อยครั้งที่ผมไปเป็นวิทยากรในการบรรยายหัวข้อ "คนใช้ชีวิต" จะบอกผู้อบรมเสมอว่า ถ้าเราเข้าใจความจริง และ ได้เห็นความจริง ชีวิตเราก็จะมีความสุขอยู่กับความจริง ต่อไปบรรยายที่ไหน หัวข้อธรรมในหนังสือ ธรรมนาวา" วัง" จะเป็นบทสำคัญ เพราะชีวิตเราท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงสอน How-to สู่ความสำเร็จไว้ให้แล้ว