ค่ำคืนในกรุงย่างกุ้งที่มีแต่ความเงียบ...

16 ก.ค. 2566 | 23:35 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2566 | 23:35 น.

คอลัมน์เมียงมอง เมียนมา ค่ำคืนในกรุงย่างกุ้งที่มีแต่ความเงียบ... โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางเข้ามากรุงย่างกุ้งอย่างเร่งด่วน เพราะมีภารกิจสำคัญต้องเข้ามา เลยไม่ได้แจ้งให้เพื่อนๆ  หลายท่าน ที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวกรุงย่าง กุ้งกับผมทราบล่วงหน้า บางท่านก็เคยบอกผมว่า ได้บนบานศาลกล่าวไว้ จึงอยากมาแก้บน บางท่านก็บอกว่า  นานแล้วไม่ได้มาเยือน ด้วยความคิดถึงกรุงย่างกุ้ง จึงบอกผมมาก่อนหน้านี้ว่า หากจะมาเมื่อไหร่อีกให้ผมแจ้งให้ทราบด้วย เพราะอยากจะมาเที่ยวกับผม

 บางท่านก็บอกว่า ธุรกิจที่ทำไว้ที่กรุงย่างกุ้ง ไม่มีใครดำเนินการต่อ จึงอยากจะขอเข้ามากับผมด้วย ผมต้องขออภัยอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แต่ขอรับปากว่า จะจัดเป็นทัวร์มาเที่ยวกรุงย่างกุ้ง เพราะผมได้ปรึกษากับน้องที่รายการวิทยุอสมท.  ไว้แล้วว่า เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของแฟนคลับทุกท่าน เราจะนำเพื่อนๆ  มาเที่ยวกันที่กรุงย่างกุ้ง โดยอาจจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ผมเคารพรักติดตามมาด้วย จะได้มาช่วยกันบรรยายให้สนุกสนานไปเลยในโอกาสอันใกล้นี้ โปรดคอยติดตามฟังข่าวนะครับ 

 

เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ ผมได้โดยสารสายการบินเมียนมาแอร์ไลน์ (MAI) เข้ามา ปรากฎว่าผู้โดยสารแน่นขนัดเลยครับ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ 90% จะเป็นชาวเมียนมา ส่วนนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวไทยมีน้อยมาก แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับพี่ชูเกียรติ ที่เป็นพนักงานอาวุโสของสายการบินนี้ จึงทราบว่าปัจจุบันนี้ สายการบินเมียนมาแอร์ไลน์ได้เพิ่มเที่ยวบิน ที่บินเข้าสนามบินสุวรรณภูมิมากถึง 5 ไฟล์ต่อวัน และอีกไม่กี่วัน ก็จะเพิ่มเที่ยวบินจากกรุงย่างกุ้งบินตรงมายังสนามบินดอนเมืองเพิ่มอีก รวมทั้งที่จะบินจากสนามบินดอนเมืองก็จะมีบินไปยังเมืองมัณฑเลย์และกรุงเนปิดอร์อีกด้วย (ช่วยเขาโฆษณาฟรีอีกแล้วครับท่าน) จะเห็นว่าจากนี้ไป จะมีพี่น้องชาวเมียนมา เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย โดยเฉพาะที่กรุงเทพมหานครมากขึ้นครับ

ส่วนเท่าที่สังเกตุ วันนี้ราคาค่าตั๋วเครื่องบินได้ลดลงอย่างมากเลยครับ และจะมีทั้งสายการบินนกแอร์ และสายการบินไทย-แอร์เอเชีย ที่เป็นสายการบินโลว์คอส บินตรงมาที่กรุงย่างกุ้งอีกหลายสาย อีกทั้งราคาค่าโรงแรมที่พักช่วงนี้ก็ไม่แพงเหมือนในยุคก่อนๆ น่าสนใจมากทีเดียวสำหรับพี่น้องสายมู ที่ต้องการมาไหว้พระและท่องเที่ยวที่กรุงย่างกุ้ง ก็มีหลายท่านถามมาว่า แล้วความปลอดภัยละเป็นอย่างไร? ผมต้องบอกว่า ถ้าท่านไม่ไปสถานที่อโคจร ผมก็ยังมั่นใจว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรนะครับ ส่วนใหญ่พวกเราคนไทย ก็มักจะไปไหว้พระ กราบมหาเจดีย์ชเวดากองกันเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่น่าเป็นห่วงนะครับ

ส่วนที่การเข้าเมืองในช่วงนี้ สำหรับคนไทยเรา ยังคงไม่ต้องทำวีซ่าเข้าเมืองครับ จะมีเพียงเราต้องซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันสุขภาพของเมียนมา ก่อนมาขึ้นเครื่องที่สนามบินเท่านั้น ค่าทำวีซ่าก็ท่านละพันกว่าบาทเท่านั้น ถ้านำไปหักลบกลบหนี้กับค่าตั๋วเครื่องบิน ก็ยังถือว่าถูกกว่าเดิมมากครับ 

เมื่อวันเสาร์ช่วงที่ผมเดินทางมาถึง ก็ล่วงเลยเวลามาถึงสองทุ่มกว่าๆ แล้ว การขับรถเข้ามาสู่เมืองกรุงย่างกุ้ง ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่ารถโล่งผิดปกติกว่าที่ผมคิดไว้มาก เพียง 20 นาทีก็เข้ามาถึงบ้านแล้ว ผมจึงสอบถามคุณเบ็นสันที่ขับรถมารับผมว่า ทำไมรถบนถนนน้อยจัง ได้รับคำตอบว่า กลางคืนคนจะไม่ค่อยออกนอกบ้านกัน จะมีเพียงถนนไม่กี่สาย ที่เป็นถนนที่มีร้านอาหารเยอะๆ จึงจะมีรถเยอะ เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์ระบาดของโรคร้ายโควิด-19 กับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา คนมีอันจะกินชาวเมียนมา ก็อัดอั้นไม่ได้ใช้เงินมานาน พอปลดปล่อยก็เริ่มออกมาหาอาหารอร่อยๆ รับประทานกันเยอะมาก

รวมทั้งน้องๆ วัยละอ่อนที่พ่อแม่มีกะตังค์ทั้งหลาย จึงทำให้ร้านอาหารโดยเฉพาะร้านที่มีการเปิดบริการแบบบุพเฟ่ต์ จะเป็นที่นิยมของคนกลุ่มนี้มาก ทางร้านบุพเฟ่ต์หลายๆ แห่ง จึงจัดให้มีการแข่งขัน “ทานจุ” กันอย่างสนุกสนาน ได้รับความนิยมโดยถ้วนหน้า ทำให้ผมนึกถึงช่วงปี 2000 ต้นๆ ที่ผมได้เปิดร้านอาหารหมูกะทะ ที่ชื่อว่า “ร้านอาว่าซา” ปรากฎว่าขายดิบขายดีมาก ทุกคืนจะมีลูกค้าเข้าร้านประมาณสองร้อยกว่ารายทุกคืน ปรากฎว่าขายดีจนเจ๊งเลยครับ เพราะพี่น้องชาวเมียนมา ทานกันเยอะเหลือเกิน อาหารที่เป็นประเภทเนื้อและอาหารทะเล ยกกันมาเป็นถาดๆ เทลงไปไม่ถึงห้านาที หมดเกลี้ยงเลยครับ แรกๆ เราก็ดีใจมาก ที่เป็นที่นิยมของลูกค้าชาวเมียนมา แต่พอนานๆ ไปชักไม่ไหว “ร้านอาว่าซา” ของผม เปิดได้เพียงสามปี ก็ต้องปิดตัวลง เพราะทนขาดทุนไม่ไหวครับ อย่าถามนะครับ ว่าขาดทุนไปเท่าไหร่? ........หมดไปสองคนหุ้นส่วน สิบกว่าล้านบาทเลยละครับ

วันอาทิตย์นี้ หลังจากที่นั่งอ่านหนังสือที่บ้านจนมึน ผมเลยชวนคุณเบ็นสันออกไปขับรถเล่น ที่น่าตกใจคือ ผมขับรถผ่านแถวๆ ปลายถนนริมแม่น้ำย่างกุ้ง พอเลยไชน่าทาวน์เท่านั้นแหละ จะเห็นสะพานที่กำลังก่อสร้าง ข้ามแม่น้ำย่างกุ้งไปยังฝั่ง “Dala New Yangon city” ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปหลายสิบเปอร์เซนต์แล้วครับ ซึ่งเขต Dala ฝั่งตรงข้ามไชน่าทาวน์ที่เราถือว่าเป็นเมืองเก่า เมื่อก่อนนี้เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า หลังจากรัฐบาลชุดก่อนได้เริ่มทำการดำเนินการก่อสร้างเมืองใหม่ขึ้น จากเดิมเป็นท่าเรือที่ใช้เรือหางยาวสไตล์เมียนมา ทำการขนส่งชาวบ้านที่อยู่ฝั่ง Dala ข้ามมาทำงานที่ฝั่งไชน่าทาวน์ ก็มีการเริ่มการสร้างสะพานข้ามไปตามนโยบายของรัฐบาลชุดนั้น แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 และเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราก็นึกว่าเขาจะหยุด ที่ไหนได้ เผลอแป๊บเดียว สะพานจะสร้างเสร็จเสียแล้วครับ

ไว้โอกาสหน้า ผมจะเล่าเรื่อง การสร้างเมืองใหม่ยางกุ้งให้ฟังนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ