KTAM เสิร์ฟตราสารหนี้ 6 เดือนชู 1.50% ต่อปี
บลจ.กรุงไทย เสิร์ฟกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน จ่าย 1.50% ต่อปี หากรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกองทุนหุ้น KTMSEQ สร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 133 ( KTFF133) ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2560 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China , Macau Branch อัตราผลตอบแทน 1.84% ต่อปี , China Construction Bank (Asia) Corporation Limited อัตราผลตอบแทน 1.83% ต่อปี , Agricultural Bank of China (Hong Kong Branch ) อัตราผลตอบแทน 1.84% ต่อปี , AI Khalij Commercial Bank อัตราผลตอบแทน 1.78% ต่อปี , Union National Bank PJSC อัตราผลตอบแทน 1.70% ต่อปี และ Qatar Nation Bank อัตราผลตอบแทน 1.68% ต่อปี โดยกองทุนจะลงทุนในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18 % ยกเว้น เงินฝากประจำ Qatar Nation Bank ลงทุน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.29% ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ หลังจากเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันรวดเร็วดังที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ โดยเฟดจะยังคงติดตามการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ และมองว่ายังไม่มีความแน่นอนด้านผลกระทบจากนโยบายการคลังของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ กระทรวงการคลัง ก็มองว่า ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.12% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 1.80% ต่อปี อายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.31 % ต่อปี
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงเพิ่มขึ้นและสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ได้ในปีนี้ แนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้น Mid & Small Cap (KTMSEQ) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
สำหรับจุดเด่นของ KTMSEQ ได้แก่ การใช้ Bottom up approach เป็นหลักในการคัดเลือกหุ้นและบริหารกองทุน ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากกับงานด้านวิเคราะห์ ทั้งเศรษฐกิจมหภาค รายกลุ่มอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์ที่ลงลึกถึงรายบริษัท และเป็นหุ้นกลุ่มที่คาดว่า จะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสเม็ดเงินไหลเข้า-ออกของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดทั้งปี กองทุนนี้จึงน่าจะตอบโจทย์นักลงทุนสำหรับภาวะการลงทุนในปีนี้
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เทียบระหว่างกองทุนกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี ( 2 ม.ค-17 ก.พ.2560) อยู่ที่ 4.52 % SET อยู่ที่ 2.37% 6 เดือน อยู่ที่ 15.55 % SET อยู่ที่ 3.12 % และ1 ปี อยู่ที่ 42.98% SET อยู่ที่ 22.52 %