บ.เฮงเค็ลฯเผยผลประกอบการไตรมาส 3 เพิ่มเพียง 0.8% หลังตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ชี้ธุรกิจเทคโนโลยีกาวยังโดดเด่น
นายฮานส์ แวน ไบเล่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงเค็ล เอ จี แอน โค เปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 3/62 เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% อยู่ที่ 5,077 ล้านยูโร โดยได้รับผลกระทบจากสภาพตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งยอดขายไตรมาส3 เติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อยและค่อนข้างต่ำกว่าปีที่ผ่านมา อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ที่ปรับปรุงแล้วและกำไรต่อหุ้น (EPS) มีระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เพราะผลจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี
“ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่ละหน่วยธุรกิจของเรามีผลประกอบการแตกต่างกันไป ในธุรกิจเทคโนโลยีกาว ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงจากอุตสาหกรรมหลักๆ หลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเราก็ยังมีผลประกอบการที่โดดเด่น ด้วยอัตรากำไรจากการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับสูง”
ทั้งนี้ การลงทุนเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างแบรนด์และนวัตกรรมจะทำให้ส่งผลกระทบในเชิงบวก แต่ผลการดำเนินงานของธุรกิจบิวตี้แคร์ ก็ยังคงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจสำหรับลูกค้ากลุ่มโปรเฟสชันแนล ยังคงมีผลประกอบการที่ดีเช่นเดิม ส่วนธุรกิจค้าปลีกก็ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าในตลาดยุโรปตะวันตกและการปรับตัวของตลาดหุ้นในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้น การมีนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เฮงเค็ลยืนยันผลประกอบการตามที่คาดไว้เช่นเดิม โดยยังคงคาดการณ์การเติบโตโดยรวมระหว่าง 0-2% สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีกาว คาดว่ามีการเติบโตอยู่ที่ -1 ถึง 1% ธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ -2 ถึง 0% สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้น คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 2-4% โดยเฮงเค็ล ยังคงคาดหวัง ผลตอบแทนจากการขายของทั้งกลุ่มธุรกิจ ในระดับ 16-17 %
สำหรับผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี 2562 เฮงเค็ล สร้างยอดขาย 15.2 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 1% มีการเติบโตของยอดขายปกติ ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากค่าเงินและการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนในอัตราเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว ลดลง 7.5 % จาก 2,694 ล้านยูโร เป็น 2,491 ล้านยูโร
"การบริหารเงินสดที่แข็งแกร่งและการพัฒนาในเรื่องของเงินทุนสุทธิหมุนเวียนทำให้กระแสเงินสดไหลเวียนในช่วง9เดือนแรกของปี 62 เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดจาก 690 ล้านยูโรเป็น 1,813 ล้านยูโร"