นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ถึงจดหมายบันทึกประทับตราลับ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ถึงการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นั้นได้ขอให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ดำเนินการตรวจสอบกรณีการจัดหาปุ๋ยบำรุงในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนของ กยท.จังหวัดพังงา และจังหวัดพัทลุง และ กยท.ได้ดำเนินการตรวจสอบ ปรากฎข้อตรวจพบสำคัญเกี่ยวกับการกระทำอันไม่ถูกต้องในจังหวัดพัทลุงและจังหวัดพังงา และได้แจ้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทราบปราฎตามหนังสือการยางแห่งประเทศไทย ลับ ด่วนที่สุด กษ 2904.02/10187 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนนั้น
ด้วยปรากฏว่าผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักตรวจสอบพิเศษที่2 ได้รับข้อมูลการตรวจสอบเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ครั้งที่13 /2555 วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 วาระที่5 เรื่องที่ ได้ระบุว่าคณะอนุกรรมการ คตร.ได้ลงตรวจสอบพื้นที่จริงพบว่ามีความผิดปกติหลายประกาศเป็นไปตามข้อมูลของสหภาพแรงงานฯ และพบว่านอกจากจังหวัดพัทลุง ยังมีอีกบางจังหวัดในภาคใต้ที่มีการดำเนินการในเรื่องปุ๋ยลักษณะนี้ คือจังหวัดสงขลา ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบการจัดซื้อปุ๋ยบำรุงระหว่างปีงบประมาณเดือนธันวาคม 2557 ของการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลาและชี้แจงข้อเท็จจริงผลการดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบต่อไปนั้น
นายอุทัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ 2 เรื่องขอทราบผลสอบข้อเท็จจริงของ กยท. การจัดซื้อปุ๋ยที่จังหวัดสงขลา และบริษัท โอเรียนน่า เวิลรับเบอร์ จำกัด ที่ค้างจ่ายค่ายาง 94 ล้านบาท ยังไม่มีความคืบหน้าใดใดทั้งสิ้น ผมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายยางพารา (กนย.) ก็มีความจำเป็นที่จะต้องส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีนโยบายในการปราบปรามทุจริต แต่ถ้ายังไม่ดำเนินการจำเป็นที่จะต้องพึ่งกฎหมายเป็นที่พึ่งสุดท้ายเพื่ออนาคตเกษตรกรจะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ