นายวิชัย ศรีนวกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการรวมตัวของสมาชิกโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสมาชิกเริ่มในการก่อตั้ง 160 โรง โดยมีโรงสีกระจายอยู่ทั้ง 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมได้รับใบอนุญาตการก่อตั้งสมาคมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และจัดให้มีประชุมสามัญ เพื่อเลือกนายกสมาคมและกรรมการบริหาร ในวันที่ 22 กันยายน 2563
“สมาชิกโรงสีทุกโรงมุ่งเน้นที่จะสีข้าวเกรดพรีเมี่ยมคุณภาพดีคือ ข้าวนาปี “ข้าวหอมมะลิ” และ “ข้าวเหนียว กข6” เพื่อให้ผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้เลือกซื้อข้าวซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีจากสมาชิก ผู้บริโภคจะได้ไม่สับสนกับพันธุ์ข้าวที่เพาะปลูกในที่อื่นๆ และสมาชิกทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือในนโยบายรัฐในเรื่องข้าวของชาวนาในภาคอีสานซึ่งท้ายสุดเราหวังใจว่าจะเป็นการยกระดับราคาข้าวเปลือกให้กับชาวนาในภาคอีสานต่อไปอีกทางหนึ่ง”
นายวิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังส่งเสริมปลูกข้าวพันธุ์นุ่ม ทำตลาดในราคาถูก ซึ่งในส่วนของข้าวหอมมะลิก็เป็นข้าวนุ่มเช่นเดียวกัน แต่เป็นข้าวนุ่มที่มีราคาแพง เป็นข้าวเกรดพรีเมี่ยม เกรงว่าผู้บริโภคจะมีความสับสนในการซื้อข้าว จึงได้เกิดเป็นแนวคิดว่าถ้าหากพวกเรารวมเป็นองค์กรในสมาชิกกันต้องผลิตข้าวคุณภาพ จะได้คุณภาพข้าวที่ดี จะส่งผลถึงชาวนาที่จะได้ราคาข้าวดีไปด้วย ต่อไปผู้บริโภคหากต้องการซื้อข้าวจากกลุ่มโรงสีในพื้นที่ภาคการผลิตอีสานก็จะได้ข้าวตรงกับคุณภาพ ก็คือ เป็นข้าวหอมมะลิแท้ไม่ใช่ข้าวนุ่ม สามารถมาซื้อได้กับโรงสีในพื้นที่อีสาน 160 โรง จะได้ข้าวคุณภาพแท้และตรงกับความต้องการ เพราะหากรัฐส่งเสริมมาก เกรงว่าต่อไปผู้บริโภคจะสับสน
“สมาคมเน้นการทำข้าวพรีเมี่ยมของประเทศ เพราะเป็นข้าวนาปีที่ปลูกได้ฤดูกาลเดียวในพื้นที่ตรงนี้ เราจะผลิตและตั้งธงในการสีข้าวจะดูข้าวพรีเมี่ยมเกรดดี ถ้าภาครัฐให้ส่งเสริมปลูกข้าวนุ่มมาในพื้นที่ดังกล่าวนี้จะไม่เห็นด้วยในเรื่อง อย่างไรก็ดีข้าวหอมมะลิก็เป็นข้าวเกรดคุณภาพที่ตลาดยังมีความต้องการซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ว่าราคา แพงเป็นพันดอลล่าร์สหรัฐ ผู้บริโภคก็ยังซื้ออยู่ แล้วถ้าซื้อมากกว่านี้เราก็ไม่มีของขายให้ต่างประเทศ เพราะผลผลิตลดลง นี่คือ เจตนารมย์ที่ตั้งสมาคมนี้ขึ้นมา”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง