สรท.ห่วงโควิดรอบใหม่ ฉุดส่งออกไทยปี64

05 ม.ค. 2564 | 06:36 น.

ส่งออกไทยปีฉลู ลุ้นทั้งปีขยายตัวบวก3%ถึง4% จากปัจจัยบวกสินค้ากลุ่มอาหารและเวชภัณฑ์ยังมาแรง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงปีนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงหวั่นฉุดยอดส่งออกไทย เร่งรัฐให้หามาตรการรองรับเศรษฐกิจไทยในช่วง2เดือน

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยสรท.คาดการณ์ส่งออก ปี 2564 ยังคงขยายตัวระหว่าง+3ถึง+4% (ณ เดือน ม.ค. 2564) โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือสินค้ากลุ่มอาหาร และกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ ถุงมือยาง และกลุ่มสินค้า work from home ยังมีมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงทั่วโลกอีกครั้ง

 

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่ในปี 2564 เช่น การกลับมาระบาดครั้งใหม่ของโควิด-19 ในประเทศคู่ค้าและภายในประเทศ สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ของประเทศคู่ค้าทั่วโลกกลับมามีแนวโน้มรุนแรงและยืดเยื้อโดยเฉพาะในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร รวมถึงเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และภายในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมการผลิต จากการประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์และการหดตัวลงชองกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าทั่วโลก , การผลิตและการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆทั่วโลก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรจนกว่าจะจัดสรรไปยังประเทศต่างๆ ในส่วนของไทยวัคซีนชุดแรกน่าจะมาถึงช่วงกลางปี 2564 หรือเร็วกว่านั้นเล็กน้อย ,  ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน และค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งยังไม่คลี่คลายเท่าที่ควร 

สรท.ห่วงโควิดรอบใหม่  ฉุดส่งออกไทยปี64

รวมถึงค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยการที่ไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มจับตาใกล้ชิด (Monitoring List) โดยเฉพาะประเด็นการเป็นประเทศที่อาจแทรกแซงค่าเงินจากรายงานด้านเศรษฐกิจและการค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ ขณะที่ เวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในบัญชี Currency manipulator ทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ประเทศไทยและการอ่อนค่าโดยเปรียบเทียบของดอลลาร์จากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในระยะยาว ซึ่งส่งผลไปถึงราคาน้ำมันที่อาจมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปี 2562 จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทั่วโลกที่กลับมารุนแรงอีกครั้งทั่วโลก

 

อย่างไรก็ตามสรท. มีข้อเสนอแนะที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการในช่วง2เดือน  เช่น มาตรการรองรับสถานการณ์โควิดรอบใหม่ เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการหรือต่ออายุมาตรการที่ออกมาในช่วงโควิด-19 ระบาดในรอบแรก ไม่ว่าจะเป็นการ ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมในการติดต่อหน่วยงานราชการ ขยายระยะเวลาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ขยายระยะเวลาการชำระภาษี ปรับลดเงินสมทบประกันสังคมทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ปรับลดค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ รวมถึงขอให้ ธปท. เร่งออกมาตรการเยียวยาเพื่อช่วยผู้ประกอบการ อาทิ ขอให้ ธปท. เพิ่มบทบาทธนาคารรัฐในการอนุมัติสินเชื่อมาตรการ Soft loan ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น  ทั้งนี้ ในส่วนพรก. softloan ธปท.ได้มีต่ออายุมาตรการไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 18 เมษายน 2564 และการปรับปรุงกฎเกณฑ์บางส่วนในการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs มากขึ้น  รวมถึง เร่งแก้ไขปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน

สรท.ห่วงโควิดรอบใหม่  ฉุดส่งออกไทยปี64

ส่วนมาตรการระยะยาว เช่น  รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีแรงงานว่างงานที่ได้รับผลกระทบรุนแรง  ,การเร่งรัดการพัฒนาไปประเทศไปสู่ Digital economy เช่น เร่งรัดและส่งเสริมการพัฒนาโครงการ National Digital Trade Platform (NDTP)เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสมบูรณ์สอดรับกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นปรับลดขั้นตอนในการติดต่อกับทางราชการ เป็นต้น นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานรัฐเร่งรัดเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี อาทิ เร่งบังคับใช้ความตกลง RCEP ภายในปี 2564 รวมถึงเร่งเจรจาความตกลงที่อยู่ใน Pipeline อาทิ  Thai-UK / Thai-EU / EFTA / Pakistan / Turkey เป็นต้น

 

สำหรับการส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2563 มีมูลค่า 18,932 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ -3.65% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าในเดือนพฤศจิกายน 2563 มีมูลค่า 18,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  -0.99% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ เดือนพฤศจิกายน 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 52.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 6,458 ล้านบาท

สรท.ห่วงโควิดรอบใหม่  ฉุดส่งออกไทยปี64

ดังนั้นภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- พ.ย. ปี 2563 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 211,385 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ -6.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 187,872 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  -13.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วงเดือน ม.ค.- พ.ย. 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 23,512 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 655,384 ล้านบาท

 

โดย กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร -2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน สินค้าที่ขยายตัวได้ดี คือ ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง สิ่งปรุงรสอาหาร ผัก ผลไม้ สดแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป สินค้ากลุ่มที่หดตัว คือ น้ำตาลทราย อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป

 

ขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม  -2.9%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน สินค้ากลุ่มที่หดตัว อาทิ ทองคำ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว

ขณะที่การส่งออก 11 เดือน แรกของปี 2563 สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว -4% สินค้าอุตสาหกรรม หดตัว -6.6%ทั้งนี้ สรท. คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 หดตัวลดลงระหว่าง -7% ถึง -6%