นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่าเมื่อวาน(23 ก.พ.64) ได้มีการประชุมบอร์ดอคส.นัดแรก เพื่อพิจารณาว่าระต่างๆ โดยใช้เวลาประชุมนานถึง 7 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 14.00 -20.00 นาฬิกา ซึ่งประเด็นที่ถกเถียงกันในที่ประชุม คือ การจัดซื้อถุงมือยางมูลค่า.12แสนล้านบาทที่มีการโยงถึงการประชุมบอร์ดวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ทำให้บอร์ดหลายคนไม่พอใจและออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย แต่ครั้งนี้บอร์ด ทั้งหมดได้รับความเสื่อมเสียไปด้วย หากจะให้บอร์ดทั้งคณะต้องรับผิดชอบไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้นคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องพิจารณาตัวเอง
อย่างไรก็ตามการทุจริตถุงมือยาง ยอมรับว่ามีผลต่อการลงทุนใหม่ของ อคส.เพราะเงินที่จะนำมาลงทุนอยู่ในวงเงิน2000ล้านบาทนั้นด้วย แต่ทั้งนี้อคส.ก็มีช่องทางในการหาเงินจากช่องทางอื่นๆเช่น งบประมาณ หรือเงินสะสมของ อคส.ที่เหลืออีกกว่า 1,000 ล้าน แต่ก็ต้องรอบในการลงทุนใหม่ เพราะเงินสะสมหายไป 2,000 ล้านจากการจัดซื้อถุงมือยาง ซึ่ง อคส.จะตามเงินที่หายไปพร้อมดอกเบี้ยมาคืน อคส.จนครบ
สำหรับโครงการลงทุนที่อคส.มีแผนจะดำเนินการคือการพัฒนาคลังสินค้า ตรงราษฎร์บูรณะ ซึ่งเป็นหนึ่งในคลังสินค้า ที่ อคส.มีแผนจะปรับปรุงทั้งตัวอาคาร เพื่อทำห้องเย็นเพิ่มในการเก็บสินค้าเกษตร ขณะเดียวกันก็มีแผนขุดลอกบริเวณหน้าท่าเพื่อให้เรือสามารถเข้ามาจอดขนถ่ายสินค้าได้มากขึ้น โดยวันนี้(24 ก.พ.) อคส.มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือเอ็มโอยูกับ 4 กลุ่ม ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย สมาคมส่งเสริมการประมง บริษัทกลุ่มผู้ค้าสัตว์น้ำปทุมธานี ผู้แทนเรือเดินทะเล และผู้ประกอบการรับฝากสินค้าในห้องเย็น ซึ่งการลงนามครั้งนี้เพื่อร่วมมือพัฒนาห้องเย็นรองรับสินประมงและสินค้าเกษตร การดูแลการเก็บรักษาสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารายได้องค์กร
“ขณะนี้ อคส.มีรายได้จากการให้เช่าคลังสินค้า 2 แห่ง คือ คลังห้องเย็นที่ถนนราษบูรณะและคลังร้อนธนบุรี ซึ่งการใช้ประโยชน์ยังไม่เต็มพื้นที่ จึงมีแผนปรับปรุงคลังให้มีความทันสมัย การนำเครื่องจักรมาใช้ สามารถเพิ่มราคาค่าเช่าได้ รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่ทำห้องเย็น ซึ่งจะต้องมีการใช้งบประมาณในการปรับปรุงประมาณ 72 ล้าน”
นอกจากการพัฒนาคลังสินค้าแล้ว จะมี การขายสินค้าเกษตรเช่น ข้าว ผลไม้ ผ่านทางร้านธงฟ้า โมเดินเทรด ออนไลน์ ส่วนตลาดต่างประเทศได้ประสานกรมการค้าต่างประเทศเพื่อส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปี จะมีผลประกอบการเป็นบวก จากปกติที่ อคส.ขาดทุนเฉลี่ยปีละ 120-150 ล้านบาท สำหรับในปีนี้ อคส มีแผนหารายได้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขายอาหารในเรือนจำ 600 ล้าน ส่วนที่เหลือเป็นการขายสินค้าเกษตร และการให้เช่าคลัง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป.ป.ช.ได้เรียกขอประวัตินายสุชาติ เขตจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส.ด้วยเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลภายนอก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง