“สมุนไพร 3ก” ได้แก่ กัญชา กัญชง กระท่อม ถือเป็นสมุนไพรที่เป็นนโยบายของรัฐบาล ในการผลักดันและส่งเสริมให้เป็นโปรดักต์ แชมป์เปี้ยนในอนาคต ผ่านการสนับสนุนทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน “3ก” กัญชง กัญชา กระท่อม จึงเป็น New S-curve ที่จะช่วยสร้างให้ธุรกิจฟื้นกลับคืนมา “ฐานเศรษฐกิจ” จึงจัดงาน Virtual Seminar “สมุนไพรไทย สมุนไพรโลก THAI HUB : THAI HERB” ขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแวดวง “3ก” เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “3ก” กัญชง กัญชา กระท่อม New S-curve
นางสาวณัฏฐิฏา ภูมิภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Golden triangle health จำกัด หรือ GTH กล่าวว่า GTH ซึ่งถือเป็นบริษัทลูกของบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ได้ร่วมมือกันผลักดันผลิตภัณฑ์จาก 3 สมุนไพร กัญชา กัญชง และกระท่อม ออกวางจำหน่าย โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชงออกสู่ตลาดแล้ว
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าปัญหาที่เจอคือ เรื่องของการขอขึ้นทะเบียน ผลิตภัณฑ์จากกระท่อม เนื่องจากกระท่อมเพิ่งได้รับการปลดล็อกจากการเป็นพืชที่มีสารเสพติดได้ไม่นาน จึงอยากให้ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งแก้ไขปัญหาในจุดนี้ เช่นเดียวกับที่แก้ปัญหาลดขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชงมาแล้ว
สำหรับการร่วมลงทุนของ NRF หลังบริษัท Australis Capital Inc. หรือ AUDACIOUS ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าพ่อกัญชงระดับโลก เทอร์รี่ บูธ เข้าถือหุ้น 25% ใน GTH ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งในด้านการสร้างสรรค์ธุรกิจการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก 3 สมุนไพร กัญชา กัญชง และกระท่อมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และยังมีการสนับสนุนงานวิจัย จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามาช่วยเสริม บริษัทจึงมีความพร้อมในการบุกตลาดในต่างประเทศและไทยอย่างเต็มที่ โดยพัฒนาโปรดักต์ให้ตอบโจทย์กับคอนซูเมอร์อินไซด์ของกลุ่มเป้าหมายในประเทศต่างๆ
“ในปี 2563-2564 พบว่าเทรนด์เรื่องสุขภาพและธรรมชาติมาแรง คนหันไปพึ่งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพื่อดูแลสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์อาหารและสุขภาพ รวมถึงแพลนต์เบสฟู้ดส์ อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำสารสกัดจากกัญชา กัญชง และกระท่อม มาพัฒนาต่อยอด ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์เรือธงของ NRF ได้แก่ ซอสพริก ป๊อบคอร์น และยังมีแผนผลิตผลิตภัณฑ์สปา อาทิ น้ำมันนวดจากสารสกัดกัญชง โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ”
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าสู่ธุรกิจนี้ ต้องนำจุดแข็งของประเทศไทยที่มี มาสร้างให้แข็งแกร่งมากขึ้น อาทิ สายพันธุ์ กัญชง กัญชา และกระท่อม ซึ่งไทยค่อนข้างได้เปรียบทางด้านสภาพภูมิอากาศ ที่เหมาะสมกับการปลูก และยังสามารถทำทุกอย่างได้ครบวงจร ทั้งปลูก สกัด ทำวิจัย และผลิต ในประเทศ ทำให้ไทยได้เปรียบในเรื่องต้นทุน ที่สามารถแข็งขันในตลาดโลกได้ สิ่งสำคัญคือ มาตรฐาน ที่ต้องทำให้ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับของตลาด ซึ่งโอกาสในการขายและทำตลาด ยังมีอีกมาก สำหรับตลาดสมุนไพรไทย
ด้านนายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. กล่าวว่า พืช 3ก. ถือเป็นโอกาสสำคัญของเกษตรกรไทย ซึ่งในการให้เงินทุนสนับสนุนการเพาะปลูก ธ.ก.ส. ได้เตรียมวงเงินได้ 50,000 ล้านบาท ผ่านการให้สินเชื่อในโครงการ “สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย” อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 0.01% ต่อปี ทั้งนี้ ล่าสุดได้ให้สินเชื่อไปแล้วรวม 10 วิสาหกิจชุมชน จากที่ยื่นเรื่องขอสินเชื่อมา 157 ราย เช่น วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรบางพระ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสมุนไพรทับทิมสยาม เป็นต้น
“พืช 3ก. เป็นอนาคตของเกษตรไทย และเป็นโอกาสในการยกระดับให้เป็นอาชีพทางเลือก ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของเงินทุนและความพร้อมของเกษตรกรรองรับไว้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ขั้นตอนและกระบวนการผลิตที่ต้องมีความรอบคอบ และไม่สร้างความกังวลต่อสาธารณะ ต้องมีกฎกติกาที่ชัดเจน สิ่งสำคัญ คือ ตลาดต้องนำการผลิต” นายสมกียรติ กล่าว
สำหรับเงื่อนไขในการขอสินเชื่อ คือ 1. ต้องเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 2. มีการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือและกำกับดูแลระหว่างผู้ขอกู้กับหน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา
ที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนหรือมีหน้าที่ให้บริการทางการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือมีหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 3.ต้องได้รับใบอนุญาตให้ผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,730 วันที่ 11 - 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564