เปิดสาเหตุไทยติดอันดับ 2 ตลาดดิจิทัล กลุ่มอาเซียน

25 พ.ย. 2564 | 14:31 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2564 | 21:37 น.

“กูเกิล” เผยรายงานไทยติดอันดับ 2 รุกตลาดดิจิทัล บูมอาเซียน พร้อมเปิดสาเหตุสำคัญ ต่อยอดธุรกิจไอที-ดิจิทัลแพลตฟอร์ม สร้างแบรนด์ต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Google, Temasek และ Bain & Company ได้เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2021 ระบุว่า ตลาดดิจิทัลของภูมิภาคนี้ กำลังก้าวเข้าสู่ “ทศวรรษแห่งดิจิทัล” และจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573

 


สำหรับสาเหตุสำคัญอื่นๆ ที่กลุ่มธุรกิจไอทีและดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ  สามารถนำไปต่อยอดไอเดียสร้างแบรนด์และมาร์เก็ตติ้งได้อย่างต่อเนื่อง เช่น

 

 

 

1. "ตลาดดิจิทัล" ในอาเซียน เติบโตพุ่งแรง โดยรายงานชิ้นดังกล่าวระบุว่า จำนวนผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร และบริการด้านการเงินดิจิทัล  ส่งผลให้มูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Volume: GMV) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจแตะ 1.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปี 2564 และมีแนวโน้มทยานสู่ 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 

 

 


2. "ตลาดดิจิทัล" ของไทย ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน เมื่อเจาะลึกในประเทศไทย พบว่าภายในสิ้นปี 2564 นี้ ตลาดเศรษฐกิจดิจิทัลของบ้านเรา จะมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 51% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา  ทั้งนี้ไทยยังคงเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2568 มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะแตะที่ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 17%


 

3. เจาะปัจจัยหนุนที่ทำให้ "ตลาดดิจิทัล" ไทยยิ่งก้าวกระโดด โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดดิจิทัลไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดนั้น ในรายงานชิ้นนี้อธิบายไว้ว่า มาจาก "อีคอมเมิร์ซ" ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยพบว่าภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตขึ้นถึง 68% เทียบจากปีก่อน

 

 


ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยหนุนเสริมเช่นกัน ได้แก่  สื่อออนไลน์ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 29% ซึ่งขับเคลื่อนโดยจำนวนเกมเมอร์หน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น มีความต้องการซื้อและใช้จ่ายในเกมมากขึ้น ,ธุรกิจส่งอาหารออนไลน์มีการเติบโตที่สดใส ส่งผลให้ภาคธุรกิจการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์เติบโตขึ้นถึง 37% และ 76% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยสั่งอาหารออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง  ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวออนไลน์ยังไม่ฟื้นตัว แต่คาดว่าอาจจะได้เห็นการฟื้นตัวในระยะกลางถึงระยะยาว

 

 


4. ผู้ใช้งานหน้าใหม่ของไทย มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในรายงานระบุอีกว่า ประเทศไทยมีผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัลรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 9 ล้านคน นับตั้งแต่การเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดในปี 2563 (ถึงครึ่งแรกของปี 2564)กว่า 67% ของผู้ใช้รายใหม่อาศัยอยู่นอกหัวเมืองหลัก โดยอัตราการใช้บริการดิจิทัลของประเทศไทยสูงถึง 90% (สูงเป็นอันดับสองในภูมิภาค รองจากสิงคโปร์) คนไทยใช้บริการดิจิทัลหลากหลายประเภท เช่น ซื้อสินค้าออนไลน์, ใช้บริการส่งอาหารออนไลน์ ฯลฯ  กว่า 96% ของผู้ใช้งานในช่วงการแพร่ระบาด ยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้  ขณะที่ 98% คาดว่าจะใช้งานต่อไปในอนาคต
 
 

5. ธุรกิจดิจิทัลต้องคว้าโอกาสให้ตรงจุด โดยสิ่งที่นักธุรกิจในวงการดิจิทัลควรปรับตัวในยุคนี้ คือ จะต้องมีความสามารถในการตอบรับความคาดหวังของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) โดยมีคำแนะนำจาก Google  เช่น ทำให้ลูกค้าใช้งานแอพฯ / เว็บไซต์ ให้ง่ายที่สุด ผู้ใช้งานกว่า 50% ต้องการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้พวกเขาสะดวกสบายขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรออกแบบให้การใช้งานบนเว็บไซต์/แอพฯ ได้ง่าย ด้วยการแสดงผลิตภัณฑ์และคำอธิบายที่เด่นชัด เพื่อให้ลูกค้าค้นหาและเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการได้ง่าย  

 

 


ทั้งนี้การสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและแบรนด์ของคุณสำหรับธุรกิจที่ให้บริการดิจิทัล สิ่งที่สำคัญในยุคนี้อาจไม่ใช่การดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่คือการเพิ่มความผูกพันของแบรนด์กับลูกค้าและเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อ เช่น นำเสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น หรือ พัฒนาแพลตฟอร์มที่รองรับการชำระเงินดิจิทัลที่หลากหลายและสะดวกขึ้น

 

 


สุดท้ายการรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องควรรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานหรือการซื้อสินค้าของลูกค้าเสมอ จะช่วยให้แบรนด์ทราบถึงสิ่งที่ควรปรับปรุง เพื่อที่จะแก้ไขจุดบกพร่องและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้