การปลดล็อก “กัญชา-กัญชง” ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นแรงกระเพื่อมให้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชา กัญชงออกสู่ตลาดมากมาย และส่งผลให้ตลาดกัญชา กัญชงเติบโตแบบก้าวกระโดด จากปีก่อนมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดย 5 กลุ่มสินค้าที่ต้องจับตาดู ได้แก่ เครื่องดื่ม อาหาร ยาและอาหารเสริม เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล
ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ในปี 2564 มีผู้รับอนุญาตให้ใช้ “กัญชา” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย 2,342 ราย มีผู้ได้รับอนุญาตผลิต (ปลูก) และออกเอกสารซื้อขายกัญชาในส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติดจากระบบ อย. ทั้งสิ้น 5,092 ฉบับ โดยส่วนใหญ่เป็นการซื่อขาย “ใบกัญชา” กว่า 9.5 ตัน
โดย 65% เป็นการซื้อขายเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนอีก 35% เป็นการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาสมุนไพร และเครื่องสำอาง สอดรับกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาซึ่งพบว่า มีแบรนด์ชั้นนำพัฒนาเครื่องดื่มจากสารสกัดกัญชาและกัญชง ออกสู่ตลาดจำนวนมากและจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีสารสกัดจากใบกัญชงและสารสกัด CBD ที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคยุคใหม่ที่รักและใส่ใจสุขภาพออกสู่ตลาดต่อเนื่อง เพราะสารสกัดจาก CBD เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลายมากทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอเมริกาและยุโรป นับว่าเป็นกระแสใหม่ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ประชากรทั่วโลกมีภาวะเครียด วิตกกังวลและนอนไม่หลับมากขึ้น จึงหันมาบริโภคเครื่องดื่มผสมสารสกัด CBD เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้อาร์เอส กรุ๊ป ถือเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากใบกัญชงและสารสกัด CBD โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพของผู้บริโภคไทย และล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ ใหม่ ล่าสุดที่เป็นเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์แรกที่มีส่วนผสมจากใบกัญชง “คามูซี พลัส กัญชง” ออกสู่ตลาดในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา
ส่วนเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลช็อตตัวแรกจากสารสกัด CBD “คามูซี ซีบีดี ช็อต” เริ่มวางขายในเดือนพ.ค. ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองชนิดจะสร้างรายได้ให้กลุ่มเครื่องดื่มที่ใช้สารสกัดจากกัญชงราว 500 ล้านบาทและผลักดันให้ยอดขายของไลฟ์สตาร์เติบโตกว่า 2.5 เท่าในปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปในประเทศ CLMV ในอนาคตอันใกล้ด้วย
ขณะที่กลุ่มโอสถสภาที่ก่อนหน้านี้ประกาศจับมือโรงพยาบาลยันฮี ผู้ผลิตน้ำดื่มวิตามิน “ยันฮี วิตามิน วอเตอร์” จัดตั้งบริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด เพื่อรุกตลาดน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของยันฮีจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เพื่อสุขภาพและความงาม มีประสบการณ์จากศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา ผนึกรวมกับความแข็งแกร่งในการทำการตลาดและเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศของโอสถสภา ล่าสุดเปิดตัว “ยันฮี น้ำดื่มกัญชาผสมวิตามิน” ออกวางจำหน่าย
นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นในการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาเครื่องดื่ม “น้ำกัญชายันฮี” ให้มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าน้ำกัญชาโดยทั่วไป เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและเป็นเครื่องดื่มทางเลือกสำหรับชีวิตประจำวัน โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการดูแลและใส่ใจในสุขภาพตอบโจทย์ทั้งการดูแลสุขภาพในช่วงโควิด-19 และช่วยผ่อนคลายความกดดันและความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งการทำงาน และการเรียน ฯลฯ
ด้านการตลาดนอกจากจะเน้นจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นและแม็คโครทุกสาขาแล้วยังใช้งบการตลาดราว 100 ล้านบาทในการสื่อสารทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในผลิตภัณฑ์น้ำกัญชายันฮี ผ่านกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ด้วย
อีกกลุ่มที่เปิดตัวแรงกับการนำ “กัญชา-กัญชง” มาเป็นจุดขายรุกตลาดเครื่องดื่มอย่าง “เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย” หรือ JKN ซึ่งนอกจากการรุกขับเคลื่อนองค์กรสู่ Content Commerce Company แล้ว พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจ Commerce เต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะเครื่องดื่มนวัตกรรม ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตสินค้าทั้งฟิตแม็กซ์ เครื่องดื่มสมุนไพรให้พลังงาน, เฮิร์บแม็กซ์ เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดจากธรรมชาติ 0 แคลอรี่ และดราก้อน เอ็กซ์ ถั่งเช่าน้ำผสมวิตามิน
โดยขณะนี้เจเคเอ็น มีแผนล้อนซ์ “เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชง กัญชา ออกวางจำหน่ายในเร็วๆนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตจากอย. ซึ่งนายณัฐพงษ์ วิทย์วรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น เอ็มเอ็นบี จำกัด ผู้ดูแลธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของ JKN กล่าวว่า บริษัทมีแผนพัฒนาสินค้าเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสกัดจากกัญชงจำนวน 5-6 รายการในรูปแบบของ Shot Drink ออกวางจำหน่าย
ทั้งนี้บริษัทได้ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มขนาด 50 มล. มีกำลังการผลิตเฉลี่ย 1 แสนขวดต่อวัน ทำให้สามารถรองรับการผลิตเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของตนเอง รวมถึงการรับจ้างผลิต หรือ OEM ได้ด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้จะมีรายได้จากกลุ่มเครื่องดื่มเติบโตกว่า 1 เท่าตัวแบ่งเป็นรายได้จากแบรนด์ของบริษัทเอง 50% และ OEM อีก 50%
นอกจากแบรนด์ชั้นนำที่กล่าวในข้างต้น ยังมีแบรนด์อื่นๆอีกจำนวนมากที่เตรียมเปิดตัวเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ไม่ว่าจะเป็น “อิชิตัน” ที่ก่อนหน้านี้ส่งเครื่องดื่ม CBD ผสมสกัดจากกัญชงออกชิมลางตลาด ในไตรมาส 3 นี้มีแผนเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่เต็มรูปแบบ
รวมถึง “ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” ที่ก่อนหน้านี้เปิดตัว “เมจิก ฟาร์ม เฟรช” น้ำผลไม้รวมผสมน้ำใบกัญชา 3 รสชาติออกวางจำหน่ายซึ่งได้รับผลตอบรับล้นหลามในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และล่าสุดได้เปิดตัวรสชาติใหม่ “มะนาว” ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
ส่วนอีกบริษัทที่น่าจตับตามองคือ “TNR” หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศรุกตลาดกัญชา กัญชง กระท่อมเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเป็น New S-Curve ของธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่า หนี่งในนั้นคือ เครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดของกัญชง กัญชา และกระท่อม ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นาน ก็จะออกมาเขย่าตลาด พร้อมเดินหน้ารุกตลาดทั่วโลก โดยอาศัยจุดแข็งของตัวเองอย่างแน่นอน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,786 วันที่ 26 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2565