นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โอสถสภา หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศคำสั่งไปยังภาคเอกชนให้ระงับชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศนั้น มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ ‘โอสถสภา’ ในเมียนมา
โดยบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ อีกทั้งการลงทุนในเมียนมา เป็นการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทยเเละสถาบันการเงินในประเทศเมียนมา ทั้งนี้ การชำระหนี้จะมีการเจรจากันภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างบริษัทฯ และสถาบันการเงินต่อไป
“แม้ว่าจะสถานการณ์ทางการเงินจะมีความผันผวนด้านค่าเงินหรืออัตราการแลกเปลี่ยน แต่ธุรกิจของบริษัทฯยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันนี้การซื้อขายในเมียนมาสามารถทำได้ในหลายสกุลเงินมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป”
ทั้งนี้โอสถสภา ถือเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน อันดับหนึ่งในประเทศเมียนมาภายใต้แบรนด์ “ชาร์ค” ที่ครองใจผู้บริโภคมากว่า 25 ปี และ แบรนด์ “เอ็ม-150” ด้วยเครือข่ายพันธมิตรและลูกค้าที่แข็งแกร่งทำให้ผลิตภัณฑ์ ชาร์ค และ เอ็ม-150 เข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทำให้โอสถสภา สามารถครองใจลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน จึงตัดสินใจขยายธุรกิจลงทุนเปิดโรงงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ในปี 2563 หลัง ‘โอสถสภา’ ได้ริเริ่มทำการค้ากับเมียนมาเป็นเวลากว่า 25 ปี เและได้เริ่มศึกษาวางแผนธุรกิจเป็นเวลานานนับสิบปีก่อนตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงาน