ไทยขึ้นแท่นลงทุนเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยสูงสุดในอาเซียน

28 ก.ค. 2559 | 07:17 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ค. 2559 | 15:00 น.
ไทยขึ้นแท่นลงทุนเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยสูงสุดในอาเซียน คาดการณ์ 5 ปี ตลาดสมาร์ทโฮมโตเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ สมาร์ทซิตี้และโฮมออโตเมชั่นครองแชมป์หนุนการเติบโต

เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า และ เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. เผยตลาดเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยหรือซิเคียวริตี้ เทคโนโลยี (Security Technology)ของประเทศไทยมีมูลค่าสูงสุดในอาเซียนโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายสมาร์ทซิตี้และการขยายโครงข่ายสาธารณูปโภคของภาครัฐตลอดจนการขยายการลงทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คาดการณ์ 5 ปีตลาดสมาร์ทโฮม (Smart Home) เติบโตเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ โดยโซลูชั่นด้านโฮมออโตเมชั่นครองแชมป์สัดส่วนสูงสุด ในขณะที่สังคมผู้สูงอายุจะผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุเติบโตถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยจะเติบโต 45 เปอร์เซ็นต์

นายศิระพัฒน์ เกตุธาร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์เด็กซ์จี.อี.ซี. จำกัดกล่าวว่า “ในปี 2558 ตลาดกล้องวงจรปิดของไทยมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในอาเซียน โดยมีปัจจัยผลักดันจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงเทพฯ และการพัฒนาปรับปรุงสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิของภาครัฐซึ่งทำให้มีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น และยังมีการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และห้างสรรพสินค้าใหม่ๆ รวมทั้งเหตุก่อการร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความกังวลและเพิ่มความเข้มงวดด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น”

สำหรับแนวโน้มของเทคโนโลยี คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีวิชวลไลเซชัน (Visualization)หรือการบันทึกภาพให้มองเห็นอย่างชัดเจนซึ่งช่วยให้ได้ข้อมูลแม่นยำและเห็นความร่วมมือกัน(Collaboration) ของเจ้าของเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้นเพื่อประสานเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยอันนำไปสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ โดยผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยจะเป็นส่วนสำคัญระหว่างความร่วมมือดังกล่าว นอกจากนี้ การใช้กล้องวงจรปิดอัจฉริยะจะไม่เป็นแค่เพื่อการสอดส่องดูแลรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่โรงแรม ห้างสรรพสินค้าและองค์กรธุรกิจต่างๆ ยังสามารถนำข้อมูลของลูกค้าที่บันทึกไว้ในกล้องมาประมวลผลเพื่อวางแผนการตลาดสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย

ในด้านตลาดผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมของประเทศไทยในปี 2559 คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 645 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นถึง 2,500 ล้านบาท ในปี 2563 หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยผลิตภัณฑ์โฮมออโตเมชั่นจะยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์

ในแง่ของอัตราการเติบโตในอีก 5 ปี พบว่าผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุจะเติบโตสูงสุดถึง 60 เปอร์เซ็นต์และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยจะมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับที่สองที่45 เปอร์เซ็นต์

“แนวโน้มของการติดตั้งผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมจะเปลี่ยนจากการซื้ออุปกรณ์ DIY ไปติดตั้งเองทีละชิ้นไปเป็นการวางแผนติดตั้งระบบต่างๆ ให้ทำงานประสานกันโดยอัตโนมัติเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมยิ่งขึ้น และนอกจากการติดตั้งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมเพื่อการรักษาความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยแล้วยังจะมีการติดตั้งเพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่อยู่บ้านลำพัง ตลอดจนสัตว์เลี้ยง และยังจะมีความนิยมในการใช้หลอดไฟอัจฉริยะที่เป็นกล้องและลำโพงในตัว และการติดตั้ง Smart front door เพื่อให้ผู้อยู่ในบ้านเห็นหน้าและโต้ตอบกับบุคคลที่มาเยือนโดยที่ยังไม่ต้องเดินออกไปที่ประตูซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องความสะดวกสบายแล้วยังเป็นการป้องกันมิจฉาชีพอีกด้วย” นายศิระพัฒน์ กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมในอนาคตจะมีราคาถูกลงและควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน เนื่องจากการประยุกต์ใช้ Internet of Things (IoT) กับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมอาทิ หลอดไฟอัจฉริยะ หรือ กล้องวงจรปิดที่ใช้กับที่อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคในระดับกลางก็สามารถติดตั้งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้

จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดดังกล่าว เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ตนิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย หนึ่งในผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกและผู้จัดงาน Secutech จึงได้ร่วมกับ เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. เตรียมจัดงานแสดงสินค้าด้านการรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮมควบคู่กับงานสัมมนานานาชาติด้านเทคโนโลยีพร้อมกันสองงาน ได้แก่ GDSF Thailand 2016 หรือ Global Digital Security & Solutions Forum และ SMAhome Thailand 2016 by Secutech ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2559 ณ ไบเทค บางนา โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สมาคมรักษาความปลอดภัยภาคพื้นเอเชีย สมาคมผู้ประกอบการระบบรักษาความปลอดภัยไทย และ สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร

งาน GDSF Thailand 2016 และงาน SMAhome Thailand 2016 by Secutechเหมาะสำหรับนักธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยและสมาร์ทโฮม นักพัฒนา ผู้ผลิต ผู้ติดตั้ง เจ้าของธุรกิจ วิศวกร สถาปนิก นักออกแบบ รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้งานในหน่วยงานภาครัฐ นักลงทุน เจ้าของกิจการขนาดใหญ่ องค์กรคมนาคมขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ค้าปลีก โรงแรมและธนาคาร