นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยยังเป็นประเทศที่มีนักลงทุนไทยสนใจที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จาก11 เดือนของปี 2565 (ม.ค. - พ.ย.) อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 530 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 198 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 332 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 112,466 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 5,008 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 137 ราย เงินลงทุน 39,000 ล้านบาท สิงคโปร์ 85 ราย เงินลงทุน 11,999 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 70 ราย เงินลงทุน 3,343 ล้านบาท ฮ่องกง 38 ราย เงินลงทุน 8,451 ล้านบาท และ จีน 25 รายเงินลงทุน 22,677 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 (ม.ค. - พ.ย.) พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 30 ราย คิดเป็น 6%. นับตั้งแต่ปี 2565 อนุญาต 530 ราย ปี 2564 อนุญาต 500 ราย เม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 47,884 ล้านบาท โดยปี 2565 ลงทุน 112,466 ล้านบาท ปี 2564 ลงทุน 64,582 ล้านบาทและจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น ปี 2565 จ้างงาน 5,008 คน ปี 2564 จ้างงาน 5,003 คน โดยปี 2564 ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ สหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับปี 2565
ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย บริการขุดลอก ถมทะเล และก่อสร้างม่านดักตะกอนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ 11เดือน(มกราคม – พฤศจิกายน) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 105 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48,316 ล้านบาท คิดเป็น 43 % ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 42 ราย เงินลงทุน 24,520 ล้านบาท จีน 9 ราย เงินลงทุน 10,956 ล้านบาท และ สิงคโปร์ 9 ราย เงินลงทุน 2,156 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการควบคุมการผลิตในโรงงาน และระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และ บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การอัพเกรดซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามคาดว่าเดือนธันวาคมจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 50 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 33 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,029 ล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 373 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการทดสอบและตรวจสอบการทำงานของตู้ควบคุมแรงดันไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบที่เกี่ยวข้องกับ Internet Protocol Television (IPTV) เป็นต้น