สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอาจจะเดินไปสู่จุดที่แย่ยิ่งขึ้นในปี 2566 โดยเฉพาะสถานการณ์เงินเฟ้อในหลากหลายประเทศที่ขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี
แม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ส่งสัญญาณว่ายังขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อถึงปีหน้า นอกจากนี้ยังรวมถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ลากยาวมาอย่างต่อเนื่องและเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย
หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงครึ่งปี 2022 มีบริษัทปลดพนักงาน ซึ่งหลักๆ ที่เห็นได้ชัดเลยคือบริษัท “เทค-คอมพานี” (Tech company) ที่หมายถึง “บริษัทเทคโนโลยี” ทั่วโลกที่ปลดพนักงานมากกว่าสายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้บริการสตรีมมิงวิดีโอรายใหญ่ อย่างเน็ตฟลิกซ์ ทวิตเตอร์ (Twitter) ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Apple เป็นต้น
และเมื่อดูข้อมูลจาก Layoffs.fyi เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลการเลิกจ้างงาน รวบรวมข้อมูลการเลิกจ้างของบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในปี 2022 พบว่า มีพนักงานในบริษัทเทคโนโลยี 979 แห่ง ปลดพนักงาน พนักงาน 151,648 คน
ล่าสุดมีรายงานจาก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2565 โดยแหล่งข่าวระบุว่าโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ (Goldman Sachs Group Inc) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังเตรียมเลิกจ้างพนักงานหลายพันคน เพื่อปรับลดค่าใช้จ่าย และบรรลุเป้ากำไรของธนาคาร ส่วนตัวเลขพนักงานนั้นอยู่ระหว่างการหารือ แต่ก็มีตัวเลขหลุดออกมา ว่าจะเลิกจ้างพนักงานมากถึง 4,000 คน
เนื่องจากธนาคารต้องดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายผลกำไร คาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ในต้นปีหน้า ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่าธนาคารกำลังพิจารณาตัดกลุ่มโบนัสประจำปีในปีนี้ โดยสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า การลดเงินโบนัสดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อวาณิชธนากร 3,000 รายจากพนักงานทั้งหมด 49,000 ราย
รอยเตอร์ ยังรายงานอีกว่า Goldman Sachs มีพนักงาน 49,100 คน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 หลังจากเพิ่มจำนวนพนักงานจำนวนมากในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งจำนวนพนักงานจะยังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด จำนวนพนักงานอยู่ที่ 38,300 ณ สิ้นปี 2562
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูต่อไปว่าสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ คำถามที่ว่าในปีหน้าวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกจะรุนแรงแค่ไหน และมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ เเละโอกาสที่ FED จะสามารถทำ Soft Landing ในกับเศรษฐกิจน่าจะเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างมาก
ข้อมูล : reuters