นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการแข่งขันของข้าวไทยในปีนี้ ส่วนหนึ่งคือนโยบายจากการเมือง หากมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็น คือการ มีนโยบายที่ไม่บิดเบือนกลไกตลาด ไม่กำหนดราคาข้าวอย่างไม่สมเหตุสมผล โดยไม่ติดหากรัฐบาลจะใช้นโยบายประชานิยมดูแลเกษตรกรแต่จะต้อง พิจารณาให้รอบคอบ หากต้องมีการใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากและไม่เกิดประโยชน์
นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่อย่างจริงจัง เพื่อให้อนาคตประเทศไทยยังสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากเวลานี้ประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวไปไกลมากแล้ว ในขณะที่ประเทศไทยยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ และไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเมืงองมีผลต่อการส่งออกเพราะรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาถ้าไปทำเรื่องที่บิดเบือนราคากลไกลตลาดจะเกิดปัญหาแน่นอน ดังนั้นถ้ารัฐบาลใหม่เข้ามาควรไปทำมาตรการส่งเสริมเกษตรกรอย่างอื่นดีกว่า เช่นประกันรายได้ข้าว สินเชื่อเกษตรกร โครงการที่ไม่เกี่ยวกับการบิดเบือนราคาตลาด
“จำนำข้าว 15,000-20,000บาทต่อตันคือรัฐบาลไปบิดเบือนราคาทำให้ราคาถูกลงทั้งระบบ รัฐบาลกวาดซื้อข้าวในราคาที่สูงแต่จะมาขายในราคาที่ต่ำก็ไม่ก็ต้องขายในราคาที่สูงขึ้นแล้วใครจะซื้อส่งออกก็ไปแข่งขันไม่ได้เพราะซื้อมาในราคาที่สูง จะทำประชานิยมก็ต้องคิด นักการเมืองทำอะไรทำโครงการถ้าควักเงินในกระเป๋าตัวเองทำแล้วมีกำไรก็ทำต่อไปแต่ถ้าทำแล้วไม่มีกำไรขาดทุนก็อย่าทำเพราะไม่ใช่เงินเขา แต่มันคือเงินภาษีประชาชน”