แม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อไทยจะยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่เป็นการสูงแบบชะลอตัวลงตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ต่ำสุดในรอบ 21 เดือน หลังราคาน้ำมัน ค่าไฟ สินค้าหมวดอาหารชะลอตัวลง และฐานปีก่อนสูง นั้นหมายความว่า ประชาชนเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นจากเดิม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดีที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดทำดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อทั่วไปเพื่อวัดอุณภูมิทางเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อวัดกำลังซื้อของประชาชน
ทั้งนี้สินค้าหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.83% ตามการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า แต่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น3.99% เช่น ผักและผลไม้ (มะนาว ต้นหอม มะเขือ แตงโม เงาะ) ไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดไม่มากนัก
ทีนี่เรามาดูกันว่า ในเดือนพ.ค.66 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 333 รายการ สินค้าไม่เปลี่ยนแปลง 36 รายการ และราคาลดลง 61 รายการ พบว่าประชนมีรายจ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ 18,023 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกรายการ แบ่งเป็น
ทั้งนี้ถ้าดูสัดส่วนการบริโภคต่อครัวเรือน พบว่า สินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถึงร้อยละ58.03% โดย ค่าโดยสารรถสาธารณธ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์ สูงถึง 23.14% รองลงมาเป็นค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าชหุงต้ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ21.76%
ส่วนสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ถึงร้อยละ41.97% โดย เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ สูงถึง9.46% รองลงมาเป็นอาหารบริโภคในบ้าน 9.10% และอาหารบริโภคนอกบ้าน 6.96% เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.2566 คาดว่า จะเริ่มทรง ๆ ตัว โดยมีปัจจัยที่มีผลทำให้เงินเฟ้อลดลงยังคงเป็นน้ำมันที่วัยังมีความไม่ชัดเจน แม้ล่าสุดโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตลงมา แต่ก็ยังมีภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่จะฉุดความต้องการใช้ ประกอบกับฐานเงินเฟ้อปีก่อนที่อยู่ในระดับสูงก็จะมีผลทำให้เงินเฟ้อไม่เพิ่มขึ้นมาก และมาตรการลดค่าครองชีพภาครัฐ หากมีมาตรการแรง ๆ ออกมา ก็จะช่วยฉุดเงินเฟ้อลงอีก เช่น ลดค่าไฟ คาดทั้งปี 2566อยู่ระหว่าง 1.7–2.7% ค่ากลาง 2.2%