ไทยเจ๋ง ติด 1 ใน 3 ต่างชาติลงทุนในไต้หวันมากสุด ช่วง 7 เดือนแรก

26 ส.ค. 2566 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ส.ค. 2566 | 08:36 น.

ไทยติด 1 ใน 3 ต่างชาติลงทุนมากสุดในไต้หวัน ช่วง 7 เดือนแรกปี 66 มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้าน ขณะไต้หวันลงทุนนอกประเทศช่วงเดียวกันกว่า 3.6 แสนล้าน 3 อันดับแรก สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ระบุลดลงทุนในจีนหลังมีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จีน-สหรัฐ

รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. /ทูตพาณิชย์) ณ  กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2 ดูแลครอบคลุมถึงไต้หวัน) รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสื่อของไต้หวันว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาคณะกรรมการการลงทุน (Investment Commission) ของไต้หวัน ได้ประกาศสถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI)ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 มีมูลค่ารวมประมาณ 6,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.29 ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่หดตัวลงจากปีก่อนหน้า แต่ถือเป็นมูลค่าที่สูงเป็นอันดับ 2 ในรอบ 10 ปี

โดยเป็นการลงทุนจากประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ของรัฐบาลไช่อิงเหวิน (18 ประเทศ รวมไทยด้วย) คิดเป็นมูลค่ารวม 2,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เป็นประเทศ 3 อันดับแรกที่มีการลงทุนในไต้หวันสูงสุดในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.88 จากช่วงเดียวกันของปี 2565

ในส่วนของการลงทุนจากประเทศไทยในไต้หวันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็นมูลค่ารวม 86.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3,024 ล้านบาท คำนวณที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 84.57 โดยประเภทการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ Professional, Scientific and Technical Services คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59.89 ของการลงทุนจากไทยทั้งหมด รองลงมาได้แก่ Wholesale and Retail Trade (สัดส่วนร้อยละ 27.22) และ Financial and Insurance (11.38) ตามลำดับ

ส่วนของการไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทไต้หวันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กรกฎาคม ) Investment Commission ได้อนุมัติการลงทุนคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 10,390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 363,650 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 106.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการลงทุนโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น TSMC, Yageo Corp เป็นต้น และในจำนวนนี้เป็นการลงทุนในประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่คิดเป็นมูลค่า 2,430 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.38

โดย 3 ประเทศแรกที่ไต้หวันเข้าลงทุนมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือ สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ในส่วนของการเข้าลงทุนในประเทศจีนของไต้หวัน มีมูลค่า 2,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 4.78 เป็นผลจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนไต้หวันหันไปลงทุนในตลาดอื่นแทนตลาดจีนมากขึ้น โดยไต้หวันเข้าลงทุนในไทยคิดเป็นมูลค่า 146.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.38

ทั้งนี้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนแล้ว ยังทำให้การค้าระหว่างไต้หวัน-จีนได้รับผลกระทบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนได้ประกาศห้ามการนำเข้ามะม่วงสดจากไต้หวันโดยให้มีผลในทันที และทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า จีนอาจมีแนวโน้มที่จะลดสิทธิพิเศษที่มีให้กับไต้หวันทั้งในด้านภาษี และมาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ ผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Cross-Strait Economic Cooperation Framework Agreement)

ที่ผ่านมา จีนได้ประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากไต้หวันหลายรายการ เช่น สับปะรด น้อยหน่า ปลาเก๋า ปลาซัมมะ เป็นต้น โดยจากสถิติของกรมศุลกากรจีน ในเดือนมิถุนายน 2566 ไต้หวันส่งออกมะม่วงสดไปจีนปริมาณ 394 ตัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ในขณะที่ไทยเป็นแหล่งนำเข้ามะม่วงสดอันดับ 1 ของจีนโดยมีสัดส่วนร้อยละ 60.25 ของการนำเข้าทั้งหมดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การห้ามนำเข้าสินค้าไต้หวันของจีนในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะขยายตลาดจีนได้มากขึ้น