นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันก่อตั้ง ขสมก. ครบรอบ 47 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ต.ค.66 ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีโอกาสมาเยือน ขสมก. ในวันครบรอบ 47 ปี เบื้องต้นได้เร่งรัดให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ชุดใหม่ หลังจากบอร์ด ขสมก. ชุดเดิมหมดวาระไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.65 จนถึงปัจจุบัน (29 ก.ย.66) ระยะเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการสรรหาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนแล้วเสร็จ เพื่อขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (รถเมล์ไฟฟ้า) จำนวน 2,013 คันต่อไป
"ตนได้มอบให้ ขสมก. พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ อู่รถเมล์บางเขน และ อู่มีนบุรี โดยให้เอกชนมาบริหารจัดการ เพื่อหารายได้เพิ่ม ตลอดจนใช้อู่รถเมล์ดังกล่าวเชื่อมต่อการเดินทางไปใช้รถไฟฟ้าสะดวก รวดเร็ว คาดว่าแผนฟื้นฟูจะดำเนินการแล้วเสร็จในยุคนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อ ขสมก. ลดภาระหนี้ หารายได้เพิ่ม ประชาชนได้รับบริการสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM 2.5 ปลอดภัย และค่าโดยสารที่เป็นธรรม"
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ความคืบหน้าแผนขับเคลื่อน ขสมก. หรือ แผนฟื้นฟู ขสมก. ปี 66-70 ปัจจุบัน ขสมก. ได้ดำเนินการทำแผนแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างรอเสนอ บอร์ด ขสมก. พิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในปี 66 และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเห็นชอบต่อไป
ขณะเดียวกัน ขสมก. ตั้งเป้าจัดหารถเมล์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 2,500 คัน ซึ่งในจำนวนนี้จัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คันได้แล้ว ทำให้เหลือ 2,013 คัน โดยรถเมล์ 2,013 คันนี้ จะใช้รูปแบบสัญญาเช่า แบ่งดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ (เฟส) ดังนี้ เฟส 1 รถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 224 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท เช่า 2-3 ปี เพื่อนำมาบรรจุในเส้นทางที่ได้รับใบอนุญาตเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อยู่ระหว่างจัดร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) คาดได้รับรถช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.67) เฟส 2 รถเมล์ไฟฟ้า 1,020 คัน และ เฟส 3 รถเมล์ไฟฟ้า 769 คัน อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล และสรุปวงเงิน คาดว่าเริ่มดำเนินการได้ภายหลังตั้ง บอร์ด ขสมก. แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ขสมก. มีรถเมล์ 2,885 คัน 107 เส้นทาง แบ่งเป็นรถเมล์ร้อน 1,520 คัน รถเมล์แอร์ 1,365 คัน ผู้โดยสารใช้บริการ 700,000-800,000 คนต่อวัน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทต่อปี ค่าซ่อมบำรุงรักษา 1,600-2,000 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้ ขสมก. ยังขาดทุนอยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี โดยในแต่ละปี ขสมก. จะดำเนินการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องใช้ดำเนินการในส่วนของรถเมล์ร้อน 8,000 ล้านบาทต่อปี และขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ (PSO) วงเงิน 2,000 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้ ขสมก. มีหนี้สะสมอยู่ที่ 140,000 ล้านบาท
นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า เมื่อจัดหารถเมล์ใหม่ได้แล้ว ในส่วนรถเมล์ที่ให้บริการในปัจจุบัน ขสมก. กรณีรถเมล์ที่ใช้งานได้ถ้ามีงบประมาณ ขสมก. มีแผนปรับปรุงรถเมล์เก่าสภาพใหม่ เพื่อนำมาเป็นรถเสริมให้บริการ แต่ถ้ารถเมล์ใช้งานไม่ได้ต้องปลดระวาง ซึ่งการปลดระวางส่งผลให้ค่าเหมาซ่อมบำรุงรักษาถูกลง ขณะนี้มอบให้เขตการเดินรถทั้ง 8 เขต จัดหมวดหมู่รถเมล์ที่มีสภาพเก่าเตรียมพร้อมปลดระวาง เพื่อสอดรับแผนดำเนินการขับเคลื่อน ขสมก. ต่อไป
อย่างไรก็ตามขสมก. มีพนักงานทั้งหมด 12,000 คน แบ่งเป็น พนักงานขับรถ 4,000 คน, พนักงานเก็บค่าโดยสาร 4,000 คน, พนักงานประจำสำนักงานและช่างซ่อมบำรุงรักษา 4,000 คน ที่ผ่านมา ขสมก. เปิดรับสมัครพนักงานขับรถ เพื่อให้เพียงพอต่อบริการ หลังจัดหารถเมล์และจัดทำระบบการจัดเก็บค่าโดยสารแล้วเสร็จ ขสมก. มีแผนเพิ่มทักษะให้บริการและปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของพนักงานให้เหมาะสม ตามนโยบาย รมว.คมนาคม เพื่อแก้ปัญหาโครงการเกษียณก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์)