นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวถึงการแบ่งกลุ่มจ่ายเงินตามโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 3 แนวทาง ว่า หลักการแบ่งกลุ่มจำนวนคนนั้น จะต้องพิจารณาตามพฤติกรรมการใช้จ่าย ว่าหากแต่ละกลุ่มได้รับเงินไปแล้วจะมีการใช้จ่ายอย่างไร หากบุคคลหรือครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 1 หน่วย จะมีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้มีการรายงานครัวเรือนฐานราก ในปี 2564 ว่า พฤติกรรมของกลุ่มที่มีรายได้น้อย ที่มีอยู่ประมาณ 16 ล้านคน ซึ่งมีรายได้เดือนละ 10,000 บาท แต่มีรายจ่ายสูงถึงเดือนละ 20,000 บาท หากได้รับเม็ดเงินจากโครงการรัฐ จะมีการใช้จ่ายมากกว่า 0.6-0.85
ขณะที่กลุ่มคนชั้นกลาง กลุ่มรายได้เดือนละ 25,000 บาท หากได้รับเม็ดเงินจากโครงการรัฐ จะมีการใช้จ่ายลดลงมาอยู่ที่ 0.6 และสุดท้ายกลุ่มผู้มีรายได้สูงเดือนละ 50,000 บาท หากได้รับเม็ดเงินจากโครงการรัฐ จะมีการใช้จ่ายอยู่ที่ 0.2
“หลังจากกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มต่อมาจะมีสัดส่วนการบริโภคลดลงเรื่อยๆ โดยแบ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับนำไปบริโภค และอีกส่วนหนึ่งนำไปเก็บออม แต่หากรัฐบาลมีการออกแบบโครงการมาเพื่อรองรับการบริโภค การใช้จ่ายก็จะหมุนในระบบมากกว่าปกติ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องมีการคำนวณดูอีกครั้ง”
ทั้งนี้ จึงเป็นสาเหตุที่สำคัญว่า แม้ว่าจะรู้กลุ่มเป้าหมายแล้ว แต่ยังไม่รู้พฤติกรรม และวิธีการที่จะนำเงินไปใช้ ฉะนั้น การที่จะประมาณการเศรษฐกิจชัดๆ ว่าโครงการเติมเงินดิจิทัล หากเลือกดูแลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมีผลอย่างไร จะต้องให้มาตรการมีความชัดเจนก่อน