“คมนาคม” เล็งคลอดกฎหมายพิเศษเอื้อนักลงทุน โหม “แลนด์บริดจ์"

14 พ.ย. 2566 | 02:56 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2566 | 03:16 น.

คมนาคม ดัน “แลนด์บริดจ์” ปลุกเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือ จ่อศึกษากฎหมายพิเศษ-มาตรการทางภาษี เอื้อนักลงทุนต่างชาติ หลังเดินหน้าโรดโชว์ประชุมเอเปค ครั้งที่ 30

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พ.ย. 2566 (ตามเวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการร่วมคณะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงการเตรียมโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์นั้น ไม่ใช่โครงการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นนานพอสมควรและมีการพูดคุยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา 

 

ทั้งนี้รัฐบาลที่แล้วให้ศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ หรือโลเคชันที่ได้เปรียบ เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล ได้แก่ ฝั่งทะเลจีนใต้ และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะมีการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ไปยังโรงงานในผลิตใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เมื่อผลิตเสร็จสินค้าส่วนหนึ่งจะข้ามไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก
 

ขณะที่อีกส่วนจะวกกลับผ่านช่องแคบมะละกาไปทางยุโรป เอเชียกลาง และเอเชียใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ตรงกลาง จึงมีโลเคชันที่ได้เปรียบ อีกทั้งสินค้าที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกามีจำนวนมากขึ้น และในอนาคตอาจจะมีปัญหาการส่งสินค้าได้ จึงเป็นจังหวะที่ประเทศไทยได้เปรียบ

 

“หากสามารถดึงสิ่งที่อยู่ในเส้นทางเดินเรือโลกมาผ่านประเทศไทยได้ โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เส้นทางการขนส่งสินค้าสั้นลงประมาณ 5-10 วัน และหากได้ทำโรดโชว์โครงการนี้ให้คนเห็น และมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยก็มีโอกาสที่โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้และประเทศไทยจะได้ประโยชน์”

 

นายชยธรรม์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานายกฯ พูดในหลายๆ เวทีมีหลายประเทศให้ความสนใจ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ จึงเป็นเหตุผลที่มาโรดโชว์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการโรดโชว์ครั้งนี้ เพื่อต้องการมารับฟังความเห็นของนักลงทุน ว่า ถ้าต้องการมาลงทุนในประเทศไทย มีปัจจัยอะไรที่ต้องการบ้าง 
 

“มุมหนึ่งในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ คือ เรื่องกฎหมาย จะต้องมีกฎหมายพิเศษที่เป็นลักษณะเดียวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีซีซี ) จากนั้นจะนำความเห็นจากการโรดโชว์ไปประมวลว่าสิ่งใดสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน หรือมีอะไรที่จะต้องเพิ่มเติม”

 

นอกจากนี้หลังโรดโชว์เสร็จสิ้น ก็จะกลับไปประมวลว่า จะต้องทำกฎหมายพิเศษอย่างไร เมื่อทำเสร็จแล้วจะเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปี จะมีความชัดเจน โดยในกรอบของกฎหมายจะมีการตั้งหน่วยงานและคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องหลายกระทรวง โดยจะมีการรายงานนายกฯ โดยตรง สำหรับเป้าหมายประเทศที่อยากให้มาลงทุนในโครงการดังกล่าว มีทั้งตะวันออกกลาง จีน ยุโรป อเมริกา

 

สำหรับมาตรการภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจในโครงการแลนด์บริดจ์นั้น จะต้องคุยกันว่าเขามีความประสงค์หรือไม่ เพราะ โครงการแลนด์บริดจ์ นอกจากจะนำเรือเดินสินค้ามายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่นายกฯ มอง คือ ให้เขามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์แล้วส่งออก ทำให้ต้นทุนต่างๆ ถูกลง อีกทั้งลดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้โครงการแลนด์บริดจ์น่าสนใจมากขึ้น ขณะที่เป้าหมายของนักลงทุนจะเป็นต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ นั่นคือ สิ่งที่เรามอง โดยเรามองว่าเมื่อสร้างเสร็จต้องมีคนมาใช้ ดังนั้นคนที่จะมาลงทุนจะต้องเป็นคนที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว