สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีไทยทั้งปี 2566 ลงเหลือ 2.5% หลังในไตรมาสที่ 1-3 ของปีนี้ จีดีพีไทยขยายตัว 2.6% , 1.8% และ 1.5% ตามลำดับ ส่งผลให้จีดีพีไทยในภาพรวมสามไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 1.9%
เป็นผลกระทบหลักจากภาคการส่งออกของไทยที่ยังหดตัว (9 เดือนแรกติดลบ 3.8%) การอุปโภคภาครัฐ และการลงทุนภาครัฐที่ลดลงจากงบประมาณแผ่นดินออกล่าช้า (คาด พ.ร.บ.งบประกาศรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จะประกาศใช้เดือน เม.ย. 2567 จากปกติ 1 ต.ค 2566) ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบลงทุน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยังห่วงจีดีพีไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ถึง 2.5% ตามที่สภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์ล่าสุด (เดิม ณ เดือน ส.ค. 66 คาดจะขยายตัว 2.5-3.0% จากต้นปีคาดจะขยายตัว 2.7-3.7%) ทั้งนี้หากจะทำให้จีดีพีไทยทั้งปีนี้ขยายตัวได้ที่ 2.5% หมายถึงในไตรมาสที่ 4/2566 จีดีพีไทยต้องขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4.1%
“ปัญหาใหญ่ที่ทำให้จีดีพีไทยใน 3 ไตรมาสแรกไม่ขยายตัวตามคาดการณ์ มาจากภาคการส่งออกที่ยังชะลอตัว การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐที่ลดลง ขณะที่การบริโภคภายในดีขึ้น การท่องเที่ยวในภาพรวมดีขึ้น ถามว่าไตรมาสสุดท้ายจะเป็นอย่างไร หากจะทำให้จีดีพีไทยทั้งปีนี้ขยายตัวได้ที่ 2.5% ไตรมาสสุดท้ายต้องทำให้ได้ถึงบวก 4.1%”
ทั้งนี้การส่งออกของไทยในไตรมาสที่ 4 จะต้องเพิ่มขึ้นมาก นักท่องเที่ยวต้องเข้ามาจำนวนมาก และจะต้องมีการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งยังต้องลุ้นทั้ง 3 ส่วนจะขยายตัวได้มากน้อยเพียงใด และจะทำให้จีดีพีไทยในไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4.1% หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และยังเป็นเครื่องหมายคำถาม
“โอกาสที่จีดีพีไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้ 2.5% ไม่ง่าย แต่มองว่าจะมีโอกาสต่ำกว่า 2.5% มากกว่า ซึ่งหากจีดีพีไทยปี 2566 ขยายตัวได้ที่ 2.5% หรือต่ำกว่า แสดงว่าจีดีพีไทยไม่ได้ขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วมากนัก(จีดีพีไทยปี 2565 ขยายตัว 2.6%)”
ขณะที่ทิศทางแนวโน้มการขยายตัวของจีดีพีไทยในปี 2567 จะมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 5% ตามที่รัฐบาลคาดหวังหรือไม่นั้น นายเกรียงไกร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่วนหนึ่งคือ โครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐจะสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ การเบิกจ่ายงบภาครัฐปี 2567ที่คาดจะเริ่มได้ในเดือนพฤษภาคม จะใช้อย่างไร จะมีปัญหาหรือไม่
อย่างไรก็ดีภาคการส่งออกและนักท่องเที่ยวปีหน้าน่าจะมากขึ้น (กระทรวงพาณิชย์ร่วมภาคเอกชนคาดส่งออกไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ 2%) ซึ่งต้องเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ เร่งการเจรจา FTA ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดปีหน้าจะเพิ่มเป็น 34-35 ล้านคน จากปีนี้คาด 28 ล้านคน
รวมถึงโครงการลงทุนของภาคเอกชนทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอไปแล้ว จะต้องเร่งรัดให้เกิดการลงทุนจริงโดยเร็ว นอกจากนี้ที่ทำได้เร็วคือเรื่องซอฟต์ พาวเวอร์ในสาขาต่าง ๆ ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งซอฟพาวเวอร์จะมาช่วยด้านภาคบริการ และภาคท่องเที่ยวของไทยให้ขยายตัวได้อีกมาก