นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา ให้สัมภาษณ์ภายหลังเชิญภาครัฐและตัวแทนเอกชน ประชุมกรณีการเปิดใช้งานด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่เรื่องความล่าช้า โดยนายรามกล่าวว่า จากการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านศุลกากรสะเดา อบจ.สงขลาและกรมทางหลวงเห็นว่าในปี 2568 พยายามที่จะเปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ให้ได้ แม้เปิดใช้ได้ไม่เต็มรูปแบบ เนื่องจากยังติดทางฝั่งประเทศมาเลเซียเรื่องการเตรียมความพร้อม
ขณะที่ฝั่งไทยแม้ไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ทั้งหมด อย่างน้อยการจัดการกระบวนการเข้า-ออกของด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น ซึ่งอาจจะแตกต่างจากโครงการอื่นที่ไม่เห็นเป้าหมายชัดเจนเหมือนกับกรณีของด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เชื่อว่าหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ที่มีการของบประมาณมาดำเนินการ แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะสามารถสนับสนุนงบประมาณลงมาได้มากน้อยแค่ไหน
นายราม กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ได้กังวลใจในเรื่องของการบริหารงานและการทุจริต แต่ต้องการให้รัฐใช้อำนาจในการบริหารในเรื่องของการบริการประชาชนก่อน ถ้า ป.ป.ช.มาจับผิด หรือดำเนินคดี จะเกิดภาพไม่อยากทำงาน เพราะกลัวความผิด ทุกอย่างจะหยุดหมด แต่ถ้าปล่อยให้ดำเนินการไปในเรื่องของการที่จะขับเคลื่อนด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ให้ได้ ดีกว่า ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่
จนถึงขณะนี้การร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ยังไม่มี แต่มีการให้ข้อมูลแค่ว่ายังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เป็นเชิงการป้องกัน การมีส่วนร่วม การแก้ไขปัญหา
นายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา ยืนยันว่า การเปิดใช้ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่เมื่อการก่อสร้างถนนจากแยกพรุเตียวมาที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ คาดว่าถนนขาเข้า จะแล้วเสร็จมีนาคม 2567 ส่วนถนนขาออกด่านฯสะเดาแห่งใหม่ที่ทาง อบจ.กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ระยะแรก 500 เมตร และระยะที่ 2 ประมาณ 350 เมตรนั้น จะต้องรอการประชุมคณะทำงานด้านเทคนิคร่วมระหว่างฝ่ายไทย-มาเลเซีย เนื่องจากระยะที่ 2 จะเป็นเชื่อมต่อระหว่างไทย-มาเลเซีย ปลายเดือนมกราคม 2567
คาดว่าโครงการถนนเชื่อมด่านฯสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย จะสามารถสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้ในปี 2568 เมื่อถนนขาเข้าแล้วเสร็จประมาณมีนาคม 2567 ส่วนขาออกถ้าสามารถใช้งานผิดจราจรได้ก่อนสำหรับโครงการก่อสร้างระยะที่ 1 คิดว่าในเดือนกรกฎาคม 2567 สามารถนำบรรทุกรถสินค้าขาออกบางส่วนเข้ามาใช้บริการได้ก่อน
ส่วนโครงการก่อสร้างถนนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและทางมาเลเซียกำหนดเปิดจุดเชื่อมกันชัดเจนที่บริเวณหลักเขตแดน BP23/9-BP23/10 รถส่วนบุคคลและนักท่องเที่ยวก็จะมีทางแยก ไปทางด่านฯพรหมแดนเดิมได้หรือจะเข้ามาที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ได้ ซึ่งจะเป็นในส่วนของขาเข้า ส่วนขาออกเมื่อเข้าไปเที่ยวด่านนอกแล้วจะกลับทางอบจ.สงขลา กำลังเร่งพัฒนาถนนอีกเส้นบริเวณด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา ที่จะมาตัดเชื่อมกับถนนคูขนานมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา จะทำให้ถนนเชื่อมมีความสมบูรณ์มากขึ้น เป้าหมายให้แล้วเสร็จในปี 2568 เปิดใช้ด่านฯสะเดาแห่งใหม่โดยสมบูรณ์
นายเผดิมเดช กล่าวว่า สิ่งที่ได้รับฟังในการประชุมและดีใจก็คือโครงการถนนพรุเตียวกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่ที่กรมทางหลวงกำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ เมื่อไปถึงจุดที่เชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 4 ทางกรมทางหลวงมีการจัดสร้างเป็นไฟแดง ซึ่งตรงนั้นตอนแรกมีความกังวลกันอยู่ว่ารถบรรทุกสินค้าที่จะออกจากด่านฯสะเดาแห่งใหม่เพื่อไปจังหวัดสงขลา จะต้องกลับรถ ซึ่งสภาพพื้นที่ค่อนข้างอันตราย แต่หากมีการก่อสร้างไฟแดงจะมีความปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับรถบรรทุกสินค้า
ส่วนข้อกังวลใจของภาคธุรกิจและภาคประชาชนเรื่องการปิดด่านฯพรมแดนนั้น ความจริงด่านฯพรมแดนไม่ได้มีการปิด แต่เป็นการเปลี่ยนประตูเข้า-ออกเท่านั้นเอง ตอนที่หารือกับทางมาเลเซียทางฝ่ายไทยเสนอว่าจะขอเปิดข้ามแดนจำนวน 2 จุด แต่ทางฝ่ายมาเลเซียขอให้มีเพียงจุดเดียว เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคง ยืนยันว่ายังเปิดใช้ด่านฯพรมแดนเดิมให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออก แต่รถบรรทุกทั้งหมดจะเข้าออกผ่านด่านฯสะเดาแห่งใหม่เท่านั้น
“ เราเองก็เป็นห่วงภาคธุรกิจและภาคประชาชนที่ต้องการให้ยังเปิดด่านฯพรมแดนเดิม จนทำให้มีการออกแบบทุกอย่างโดยคำนึงถึงภาคเอกชนและประชาชนมีช่องทางออกและเข้าไปในชุมชนด่านนอกได้
เพียงแต่ว่าคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเพราะว่าทางมาเลเซียเองก็ไม่ได้ใช้จุดเชื่อมกับด่านฯพรมแดนเดิม โดยมีการก่อสร้างถนนเชื่อมกับด่านฯสะเดาแห่งใหม่ เรายังยืนยันว่าเรายังเปิดใช้ด่านฯพรมแดนเดิมให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออก แต่รถบรรทุกทั้งหมดจะเข้าออกผ่านด่านฯสะเดาแห่งใหม่เท่านั้น”
ในขณะด่านพรมแดนเดิมมีข้อจำกัดในการรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวและรถส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องให้ส่วนหนึ่งให้เข้ามาที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้การเติบโตทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาและของประเทศไทยเติบโตได้มากขึ้น
นายสิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า ข้อมูลการประชุมเป็นข้อมูลเดิมที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ว่า ทางหน่วยงานรัฐมีแนวทางในการเปิดใช้ด่านฯสะเดาแห่งใหม่อย่างไร ภาคเอกชนยังยืนยันในจุดยืนเดิมจะต้องเร่งให้มีการเปิดใช้ด่านฯสะเดาแห่งใหม่
ส่วนด่านฯพรมแดนเดิมปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ รถผู้โดยสารหรือรถนักท่องเที่ยวต้องผ่านด่านฯพรมแดนทั้งขาเข้าและขาออก เป็นข้อเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง เพียงแต่เปลี่ยนวงของป.ป.ช.เท่านั้น และได้สอบถามในที่ประชุมว่าแนวทางของ ป.ป.ช.ต่อกรณีด่านฯสะเดาแห่งใหม่เป็นอย่างไร
“หลังจากนี้ป.ป.ช.จะมีบทบาทอย่างไร เฝ้าระวัง หรือ ตรวจสอบ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตที่ด่านฯสะเดาแห่งใหม่ไม่สามารถเปิดใช้ได้ในช่วงเวลา 4 ปี ในมุมของ ป.ป.ช.คิดว่าเกิดความเสียหายหรือไม่และป.ป.ช.มีแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งก็ได้มีการนำเสนอในที่ประชุม เพราะว่า 4 ปี เรื่องของสถานที่ พื้นที่ต่าง ๆ ก็เกิดความเสื่อมโทรมไปเรื่อย ๆ เราก็ได้นำเสนอกับทางป.ป.ช.ไปในเรื่องเหล่านี้ ไม่แน่ใจว่าทางป.ป.ช.รับไปพิจารณาอย่างไรในส่วนนี้” นายสิทธิพงษ์ กล่าวตอนท้าย