ดาวโจนส์ปิดบวกกรอบแคบ สวนทางดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดแดนลบ

04 ม.ค. 2567 | 23:42 น.
อัพเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2567 | 00:01 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดในแดนลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,440.34 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,688.68 จุด ลดลง 16.13 จุด หรือ -0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,510.30 จุด ลดลง 81.91 จุด หรือ -0.56%

ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 130,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 219,000 ราย

หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นออลสเตท (Allstate) ซึ่งเป็นบริษัทประกัน พุ่งขึ้น 2.4% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นออลสเตทสู่ระดับ "Overweight" ขณะที่หุ้นบริษัทประกันรายอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงบริษัทฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอร์วิส กรุ๊ป (Hartford Financial Services Group) ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

ส่วนหุ้นธนาคารปรับตัวขึ้น ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล (Truist Financial) ปรับตัวขึ้น 0.7% และ 1.3% ตามลำดับ หลังจากนักวิเคราะห์ของ BofA Global Research ได้แสดงมุมมองบวกต่อธนาคารทั้งสองแห่ง

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอนแทนพันธบัตรยังคงสร้างแรงกดดันต่อหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งหุ้นเหล่านี้รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นอะเมซอน ร่วงลง 2.6% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.89% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.72% ส่วนหุ้นแอปเปิ้ลร่วงลง 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 3 หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ลลงสู่ระดับ "Underweight" โดยระบุว่า ยอดขาย iPhone 15 อยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะในจีน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่อ่อนแอของยอดขาย iPhone 16 ซึ่งเป็น iPhone รุ่นถัดไป

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันกลั่นและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง

นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 12-13 ธ.ค.ไม่มีการเปิดเผยกรอบเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 63.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักมากถึง 72.8%

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 163,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 3.7% ในเดือนพ.ย.

น้ำมัน WTI ปิดลบ 51 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 237 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น เพิ่มขึ้น 10.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 125.9 ล้านบาร์เรล 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 72.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 66 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาทองบวก 7.20 ดอลล์ ปิด 2,050 ดอลล์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,050 ดอลลาร์/ออนซ์