นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย ปี 2567 เกือบ 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 40.1% ของวงเงินงบประมาณ เพื่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยต่อยอดในทุกโอกาสของความเป็นไปได้ของประเทศไทย
สำหรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ปี 2567 เกือบ 1.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้
ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งให้กับมูลนิธิต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากเป็นการให้ของแต่ละบุคคล ไม่ต้องผ่าน พ.ร.บ. ต่าง ๆ ตามกลไกของรัฐสภาที่ต้องใช้เวลานาน โดยมูลนิธิที่นายกรัฐมนตรีส่งต่อตั้งแต่เริ่มในเดือนตุลาคม 2566 เป็นประจำทุกเดือนต่อเนื่อง ดังนี้
ครั้งที่ 1 เดือนตุลาคม 2566 มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) เพื่อช่วยเหลือ ตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่าง ๆ
ครั้งที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2566 ได้มอบให้กับ 4 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ 1.มูลนิธิอิสรชน องค์กรพัฒนาเอกชนที่พัฒนาทักษะชีวิตแก่คนด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ 2.มูลนิธิคนพิการไทย เพื่อส่งเสริมกิจกรรมพร้อมสร้างอาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้พิการ 3.มูลนิธิบ้านพระพร องค์กรช่วยเหลือลูกของผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และเยาวชนเด็ก ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ 4.มูลนิธิสายธารสุขใจ เพื่อช่วยเหลือคนชราที่ถูกทอดทิ้ง
ครั้งที่ 3 เดือนธันวาคม 2566 ได้มอบให้กับ 3 มูลนิธิ มูลนิธิละ 50,000 บาท ได้แก่ 1.มูลนิธิบ้านนกขมิ้น สมทบทุนให้โอกาสกับเด็กกำพร้า และเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต 2. มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือคนหูหนวกให้สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป และ 3. มูลนิธิสุภา วงค์เสนา เพื่อสนับสนุนเรื่องโครงการแก้หนี้ทั้งระบบ ปฏิรูปสิทธิลูกหนี้ และเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้ และเจ้าหนี้
“หัวใจหลักของการทำงานของรัฐบาล ที่นายกฯ ให้ความสำคัญคือการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะฐานล่างของปิรามิด ซึ่งการจัดสรรงบประมาณถึงร้อยละ 40.1 และนายกฯ ยังส่งต่อการให้ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน จึงได้ส่งมอบเงินเดือนและเบี้ยประชุมให้กับมูลนิธิต่าง ๆ และได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง”นายชัย กล่าว