นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ ในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า แม้ระดับหนี้สาธารณะของไทยจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อนำมาใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด ระดับหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่กว่า 62% ต่อจีดีพี คิดเป็นมูลค่า 11.19 ล้านล้านบาท ในกรอบที่วางไว้ไม่เกิน 70% ต่อจีดีพี แต่ในด้านความเสี่ยงการบริหารหนี้นั้น ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และอยู่ในกรอบวินัยด้านการคลัง
สำหรับกรอบวินัยการคลังกำหนดว่า
นอกจากนี้ หนี้สาธารณะโดยรวมจำนวน 11.19 ล้านล้านบาทนั้น เป็นหนี้ระยะยาวถึง 85% อายุหนี้คงเหลือเฉลี่ยที่ 8 ปี 11 เดือน ซึ่งอยู่ในกรอบมาตรฐานที่กลุ่มประเทศ OECD ที่กำหนดระยะเวลาเฉลี่ยของหนี้ต้องอยู่ที่ประมาณ 8 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี
ขณะเดียวกัน หนี้ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศนั้น ก็มีสัดส่วนเพียง 1.35% หรือประมาณ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“ส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น ไจก้า เอดีบี และเวิลด์แบงก์ โดยกู้มาเพื่อทำโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและมีระยะเวลาการกู้ที่ยาว 15-20 ปี ช่วยลดความเสี่ยงการบริหารหนี้ได้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยของหนี้นั้น ปัจจุบันเรามีอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 85% ของหนี้ทั้งหมด ขณะที่ ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7%”
อย่างไรก็ดี ระดับหนี้สาธารณะของไทยนั้น แม้ว่า จะยังอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง แต่หากว่า จีดีพีของประเทศปรับลดลง ก็มีแนวโน้มที่ระดับหนี้สาธารณะจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ หลังจากที่สภาพัฒน์ได้ประกาศปรับลดจีดีพีในปี 66 ลงเหลือ 1.9% และปีนี้ 2.7% ก็จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะปรับเพิ่มขึ้น โดยสบน.อยู่ระหว่างการปรับตัวเลขหนี้สาธารณะในเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้ นับจากปี 2548 หนี้สาธารณะของไทยเคยอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 34.95% ต่อจีดีพี จากนั้น ก็ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยที่ 41-42% นับจากปี 2555-2562 และทยอยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 49% ในปี 2563 และสูงสุดที่ 62.44% ในปี 2566 ล่าสุด ณ ม.ค.67 อยู่ที่ 62.23% ต่อจีดีพี
นางจินดารัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน สบน.ได้รับงบประมาณในการชำระหนี้ต้นเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 3.4% จากกรอบพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังที่กำหนด 2.5-4% ของงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปี แต่ในจำนวนนี้ รัฐบาลได้รับงบชำระหนี้น้อยกว่างบชำระหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ขณะที่มูลหนี้ของรัฐบาลมีจำนวนที่สูงกว่า ทำให้การลดหนี้ต้นเงินกู้ของรัฐบาลล่าช้า
ส่วนปัจจุบันหนี้สาธารณะดังกล่าว แบ่งเป็น
ทั้งนี้ หนี้ดังกล่าว หนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณมีอยู่ 52.21% ต่อจีดีพี หรือ 9.39 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.89% ของหนี้สาธารณะ
สำหรับหนี้ FIDF ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 6.2 แสนล้านบาท ลดลงจากหนี้เดิมราว 50% คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะชำระหมดภายใน 10 ปี