นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางมีแนวนโยบาย เพื่อผลักดันภาครัฐมุ่งสู่ภาครัฐสีเขียวและลดต้นทุนประเทศ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง โดยดำเนินงานผ่านแนวทาง 2C 2G 2D ดังนี้
สำหรับ “C” ประกอบด้วย 1. Customer Centric กรมบัญชีกลางจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้า เป็นการดำเนินการโดยเอาใจเขา ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือผู้ประกอบการ มาใส่ใจเรา
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหาความยุ่งยากที่เป็นอุปสรรคทั้งในด้านของกฎระเบียบ ระบบงาน การลดภาระงานที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว คล่องตัว และเกิดความพึงพอใจจากการให้บริการของกรมบัญชีกลางยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางมีแนวทางที่จะปรับปรุงกฎหมายและระเบียบของกรมบัญชีกลางให้ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายที่กรมดูแลอยู่กว่า 400 ฉบับ เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของทุกภาคส่วน รวมถึงลดต้นทุนของประเทศในภาพรวม
2. Collaboration กรมบัญชีกลางมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยมุ่งสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของกรมบัญชีกลางกับหน่วยงานของรัฐมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษีที่เป็นข้าราชการและผู้รับบำนาญ
ส่วน “G” ประกอบด้วย 1. Good Governance การปฏิบัติงานของกรมบัญชีกลางยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน รวมถึงผลักดันภาครัฐให้มีธรรมาภิบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องของความโปร่งใส เปิดเผย คุ้มค่า เสมอภาค และเป็นธรรม โดยไม่ละเลยในการอำนวยความสะดวกในการให้บริการ
นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางมีแนวทางที่จะเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือ Open Contracting Data Standard: OCDS เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานได้อย่างสะดวก ลดปัญหาการทุจริตในภาครัฐ
ทั้งนี้ จะพัฒนาระบบวิเคราะห์หาความเสี่ยงและตรวจสอบการทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง (Red Flag) จากการสมรู้ร่วมคิดในการจัดซื้อจัดจ้าง การผูกขาด และการมีผลประโยชน์ทับซ้อน และพัฒนาระบบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Contract) เพื่อให้การทำสัญญามีความปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น
2. Green & Sustainable Procurement กรมบัญชีกลางมุ่งเน้นผลักดันภาครัฐให้เป็นภาครัฐสีเขียวและยั่งยืน โดยจะมีการปรับปรุงกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวกับสินค้าสีเขียว สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล และผลักดันให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันกับนานาประเทศ
“การปรับตัวสู่การจัดซื้อจัดจ้างเน้นการเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม เราจะเริ่มจากสินค้าบางประเภทที่ภาครัฐต้องการให้เป็นกรีนก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังดูสินค้านั้น รวมทั้งการก่อสร้าง ซึ่งกรมต้องการส่งเสริมให้บริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นคู่ค้ากับกรมมากยิ่งขึ้นด้วย โดยปัจจุบันมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ คิดเป็น 7% ของจีดีพีประเทศ”
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะตอบโจทย์เป้าหมายที่ไทยจะมุ่งเข้าสู่ประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ในปี 2065 พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ในปี 2573
ขณะที่ “D” ประกอบด้วย 1. Digital กรมบัญชีกลางมีเป้าหมายที่จะมุ่งสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในปี 2570 โดยจะมีแผนการทำ Digital Transformation ภายในองค์กร ลดการนำเข้าข้อมูลที่ซ้ำซ้อนในแต่ละระบบ และมุ่งผลักดันนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ ลดระยะเวลาและลดค่าใช้จ่าย รวมถึงพัฒนาระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ทั้งนี้ นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบงานแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพ ของบุคลากรของกรมก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้น จะมีการให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล รวมถึงสร้างทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถผลักดันนโยบายให้สำเร็จ
2. Data Driven กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลภาครัฐในด้านต่าง ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลคู่ค้าภาครัฐ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ข้อมูลการเบิกจ่ายของภาครัฐ รวมถึงข้อมูลค่ารักษาพยาบาล ซึ่งทางกรมบัญชีกลางจะนำข้อมูลมาใช้ ในการคิด วิเคราะห์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที อันจะเป็นการช่วยบริหารทรัพยากรของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
“ในการขับเคลื่อนกรมบัญชีกลางผ่านแนวทาง 2C 2G 2D นี้ มีเป้าหมายหลักคือการผลักดันให้ภาครัฐมีความพร้อมในการรองรับเศรษฐกิจสีเขียว ช่วยลดต้นทุนของประเทศในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นการลดเวลา ลดกระบวนการ รวมถึงลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ อำนวยความสะดวกและลดภาระของภาคเอกชน อันจะเป็นการช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกทางหนึ่ง”