เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย "พขร.-พกส." ยังขาด

23 เม.ย. 2567 | 04:14 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2567 | 05:56 น.

เปิดรายละเอียด 4 ข้อร้องเรียน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี-รมว.คมนาคม ปลด ผู้อำนวยการขสมก. ทั้งเรื่องปัญหาจอดทิ้งรถเมล์ NGV 486 คัน การใช้อำนาจ การใช้จ่ายงบประมาณ และอัตรากำลัง พกส.-พขร. ไม่เพียงพอ

“สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ” หรือ สร.ขสมก. โดยนายประมิต เมฆฉาย ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ทำหนังสือยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม

ขอให้ปลด นายกิตติกานต์ จอมดวงจารุวรพลกุล  ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชน(ผอ.ขสมก.) หลังจากเข้ามาบริหารงาน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมา การบริหารงานล้มเหลว ไม่เป็นไป ตามวิสัยทัศน์ที่เสนอไว้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ สร้างความเสียหายให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและรัฐ หลายประการด้วยกัน เกิดความระส่ำระสายในองค์กรที่ผู้นำองค์กรขาดภาวะผู้นำ ขาดความเป็นนักบริหารมืออาชีพโดยสิ้นเชิง

จากนั้นหนังสือร้องเรียนได้อธิบายข้อร้องเรียน4 เรื่อง 

ประการที่ 1 ให้รถเมล์ NGV 486 คัน หยุดให้บริการตั้งแต่29 ธ.ค.66

การที่ให้รถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊ซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อ Bonluck (BLK) 486 คัน หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการให้บริการประชาชน

1.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ทำสัญญาซื้อขาย และจ้างซ่อมแชมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2560 กับกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO โดยบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 489 คัน หลังจากการรับมอบ เริ่มต้น ตั้งแต่ต้นปี 2563 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้นำรถบรรจุในเส้นทางการเดินรถต่างๆ ในเขตการเดินรถที่ 1 2 3 และ 5 ออกวิ่งให้บริการประชาชนด้วยดีมาโดยตลอด การซ่อมแซม และการบำรุงรักษารถเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาทุกประการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจ่ายเงินค่าจ้างซ่อม ทุกวันที่ 10 ของเดือนทุกเดือนไม่มีปัญหาใดๆ

2 บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินค้างจ่ายเงินเดือนค่าจ้าง ช่างของบริษัทฯ และบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ไม่มีเงินค่าจ่ายให้ซัพพลายเออร์ทั้งหลายเป็นค่าชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ไม่มีการซื้อสำรองอะไหลในการซ่อมรถทำให้รถเสียเพิ่มมากขึ้น จากการที่ไม่มีอะไหล่ในการซ่อมเพียงพอ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ถูกองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพปรับเงินจากกรณีรถเสีย และรถโดยสารไม่ได้ออกวิ่งเป็นจำนวนเงินสูงมาก รถโดยสารปรับอากาศ ยี่ห้อ BLK ที่เสียมากส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน ในเส้นทางต่างๆ มากกว่า 20 เส้นทาง 

ค่าปรับที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ปรับ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ไม่ได้ดำเนินการหักกลบลบหนี้ใดๆ บริษัทฯ ค้างจ่ายอยู่หลายสิบล้านบาท โดยปกติในการจ่ายเงินค่าจ้างซ่อมของบริษัทผู้รับจ้างมีค่าปรับใดๆ เกิดขึ้นในแต่ละเดือน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพต้องหักกลบลบหนี้ก่อน ที่เหลือจึงจะจ่ายเงินให้แก่บริษัทผู้รับจ้าง กรณีเช่นนี้ องค์การ ขนส่งมวลชนกรุงเทพเสียประโยชน์หรือไม่ และยังไม่ดำเนินการใดๆ จนถึงปัจจุบัน

3. ในช่วงปลายปี 2566 บริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ได้ทำหนังสือมายังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ แจ้งว่า บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้จ่ายค่าจ้างซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสารให้กับ บริษัท วินสตาร์ อีควิปม้นท์ จำกัด เป็นที่มาให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพรับรู้อย่างเป็นทางการว่า บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ทำสัญญาจ้างช่วงการซ่อมให้แก่ บริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด เหตุการณ์ กรณีการจ้างช่วงมีการกำหนดข้อห้ามไว้ในสัญญาข้อ 18  "ห้ามผู้รับสัญญาจะโอนสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญานี้ให้แก่ผู้อื่นดำเนินการ (จ้างช่วง) ตามสัญญานี้แทนผู้รับสัญญา เว้นแต่ได้รับหนังสือยินยอมจากองค์การ"ในกรณีเช่นนี้ องค์การ คือ นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพรับรู้ว่า บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน มีการจ้างช่วงการจ้างซ่อมกับ บริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ตั้งแต่กลางปี 2566 บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติการผิดสัญญาการจ้างช่อม ข้อ 18

แต่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดย นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ กลับเพิกเฉยไม่ได้ดำเนินการใดๆกับ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขสัญญา ไม่ได้ดำเนินการบอกเลิกสัญญากับ บริษัท ช.ทวีจำกัด (มหาชน) แต่กลับปล่อยให้ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) กระทำผิดสัญญาต่อไปอย่างต่อเนื่องเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเอื้อประโยชน์ให้กับ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด หรือไม่

4. จากการที่ บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ค้างจ่ายค่าซ่อมรถกับ บริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ส่งผลให้ บริษัท วินสตาร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้กับช่าง ช่างมีการหยุดการซ่อมรถประท้วง ตั้งแต่วันที่ 29  ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา รถโดยสารปรับอากาศ ยี่ห้อ BLK ของเขตการเดินรถที่ 1 ,2 , 3 , 5 จำนวน 486 คัน ทั้ง ๆ ที่รถโดยสารไม่ได้เสียแต่อย่างใด จึงจอดอยู่ในขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพทั้งหมด ไม่ได้นำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ และรักษาการรองผู้อำนวยการ ฝ่ายการเดินรถองค์การ ซึ่งมีหน้าที่โดยตร ในการกำกับควบคุม ดูแล การนำรถออกวิ่งให้บริการประชาชน อ้างว่ารถโดยสารปรับอากาศ BLK ทั้ง 486 คัน เสีย จึงจอดรถโดยสารปรับอากาศ BLK ทั้งหมด 

หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ หลังปีใหม่ 2567 ช่างบางส่วนได้กลับเข้ามาปฏิบัติงาน มีบางเขตการเดินรถได้นำรถโดยสารปรับอากาศ BLK ออกวิ่งให้บริการไม่กี่สิบคัน ช่างก็หยุดการซ่อมอีก จนถึงปัจจุบัน วันที่ 20 เมษายน 2567 รถโดยสารปรับอากาศ BLK ยังจอดสนิท ทั้งหมด 486 คัน เป็นเวลา 114 วัน ผลกระทบ คือ

  • ประชาชนที่เคยใช้บริการรถโดยสารปรับอกาศ BLK ในเส้นทางต่างๆ กว่า 20 เส้นทางที่สังกัดในเขตการเดินรถที่ 1,2,3,5 ได้รับความเดือดร้อนในการเดินทาง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยได้นำรถโดยสารธรรมดา ครีม-แดง จากสายอื่นเข้ามาช่วยวิ่งในสายที่มีรถโดยสาร ปรับอากาศ BLK อยู่เดิมสายละ 6-7 คัน แต่ไม่ได้เพียงพอกับการใช้บริการของประชาชน เกิดเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมาก กรณีรอรถโดยสารนานหลายชั่วโมงยังไม่สามารถเดินทางได้ต้องไปใช้บริการรถไฟฟ้า รถแท็กซี่ ประชาชนเดือดร้อนต้องเสียค่าเดินทางที่สูงขึ้น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดย นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทางหนังสือพิมพ์ต่างๆว่าประชาชนไม่ได้ รับผลกระทบ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจัดรถโดยสารมาช่วยวิ่งทดแทนได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส แต่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกลับเพิกเฉยกลับให้ข่าวว่าประชาชนไม่เดือดร้อน
  • ตั้งแต่วันที่รถโดยสารปรับอากาศ BLK เริ่มจอดไม่นำรถออกวิ่งให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566เป็นต้นมา เกือบ 4 เดือน บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถส่งมอบรถโดยสารให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพนำมาออกวิ่งได้ เป็นการกระทำผิดเงื่อนไขสัญญาข้อ 21 และสัญญาข้อ 18 อยู่เนื่องๆ แต่ นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ที่มีหน้าที่โดยตรงในการดำเนินการบอกเลิกสัญญา แต่กลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ อ้างเหตุที่รถโดยสารปรับอากาศ BLK ออกวิ่งไม่ได้ กลับไปดำเนินการเร่งรัดในการจัดหารถโดยสารมาทดแทน โดยได้เสนอโครงการจัดหรถโดยสาร โดยการเช่าจำนวน 350 คัน อย่างเร่งรีบทั้งๆที่สิ่งที่ควรต้องทำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหารถโดยสารปรับอากาศ BLK คือ การบอกเลิกสัญญาและการเร่งรัดจัดหาผู้รับจ้างซ่อมรายใหม่มาดำเนินการซ่อมรถโดยสารปรับอากาศ BLK ควรดำเนินการในทันที ไม่ใช่ประวิงเวลา เป็นข้ออ้างในการจัดหาเช่ารถใหม่ 350 คัน ใช้เวลาไม่นานก็ได้ผู้รับจ้างรายใหม่แล้วซึ่งปัญหารถโดยสารปรับอากาศ BLK ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบรถ แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้รับจ้างซ่อม คือ บริษัท ช.ทวีจำกัด (มหาชน) และรถโดยสารปรับอากาศ BLK ใช้งานมา 5 ปีกว่า หากการบำรุงรักษารถเป็นไปตามมาตรฐานยังสามารถใช้งานได้อีกหลายปี การประวิงเวลาการบอกเลิกสัญญา การไม่ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
  • เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ออกคำสั่งที่ 02/2567 เรื่อง โอนย้ายรถโดยสารธรรมดา (ครีม-แดง) และรถโดยสารปรับอากาศระหว่างเขตการเดินรถที่ 1-8 โดยย้ายรถครีมแดง และรถโดยสารปรับอากาศ ในเขตการเดินรถที่ไม่มีรถโดยสารปรับอากาศ BLK ไปยังเขตการเดินรถที่มีรถโดยสารปรับอากาศ BLK การย้ายดังกล่าว จึงส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนเป็นวงกว้างทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เนื่องจากเดิมกระทบเฉพาะเขตการเดินรถที่ 1,2,3,5 ที่มีรถโดยสารปรับอากาศ BLK จึงส่งผลกระทบทั่วทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เนื่องจากเป็นการเกลี่ยรถให้มีจำนวนลดลงในทุกๆ เขตการเดินรถ จึงส่งผลกระทบทั้งหมด
  • เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ออกคำสั่งที่ 158/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผู้อำนวยการเขตการเดินรถ และคณะกรรมการตรวจรับการซ่อมรถ BLK เป็นการเลี่ยงบาลี หาคนมารับผิดชอบแทนการกระทำของ นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ที่ปล่อยปละละเลย จนเหตุการณ์รถโดยสารปรับอากาศ BLK ต้องหยุดวิ่งให้บริการทั้งหมดองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้รับความเสียหายด้านการหารายได้ และการให้บริการประชาชน ผู้อำนวยการในฐานะรักษาการรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ มีความรับผิดชอบโดยตรงในการกำกับ ควบคุม ดูแลการจัดการเดินรถทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กำลังหาทางโยนความรับผิดที่ ตนเองกระทำขึ้นโยนให้ผู้บังคับบัญชาระดับล่างเป็นแพะรับบาปใช่หรือไม่
  • ความเสียหายต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพที่ เป็นตัวเงินนับตั้งแต่รถโดยสารปรับอากาศ BLK หยุดวิ่งให้บริการในวันที่ 29 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2567 รวม 114 วัน คิดเป็นตัวเงินนำรถออกวิ่งให้บริการรายได้ประมาณ 5,000 บาทต่อคัน รถจำนวน 486 คัน จำนวน วันที่หยุด 114  วัน คิดเป็นวันๆละ 2,430,000 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน ทั้งหมด 277,020,000 บาท หากยังไม่ดำเนินการจัดการให้รถออกวิ่งได้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จะมีความเสียหายต่อวันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ใครจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรัฐ
  • สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ยื่นหนังสือ จำนวน 3 ฉบับ ถึงนายกิตติกานต์ จอมดวง จารวรพลกุล ผู้อำนวยการ ลงวันที่ 2 มกราคม 2567 เรื่อง ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการเหมาซ่อม บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หนังสือที่ สร.ขสมก./0๒๐/๒๕๖๗ ลงวันที่ 17 มกราคม 2567 เรื่อง ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงการจ่ายค่าเหมาซ่อม และหนังสือที่ สร.ขสมก./0๕0/๒๕๖๗ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง ขอให้ยกเลิกสัญญาเหมาซ่อมเรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหารถโดยสารปรับอากาศ ยี่ห้อ BLK เป็นการเร่งด่วน แต่ นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ไม่ดำเนินการใดๆ อ้างต่างๆ นาๆ เพื่อประวิงเวลาในการบอกเลิกสัญญาได้มีหนังสือที่ สกม.(กนก.)0๑๙๓/๒๕๖๗ ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง การยกเลิกสัญญาเหมาซ่อมและหนังสือที่ ขสมก.๕๗๙/๒๕๖๗ ลงวันที่ 11 เมษายน 2567  เรื่อง การยกเลิกสัญญาเหมาซ่อม ตอบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ อ้างเหตุผลสารพัดทั้งๆที่อำนาจในการบอกเลิกสัญญาเป็นของผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยตรงตามพระราชบัญญัติ จัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 

 

ประการที่ 2 การบริหารงานบุคคล

การบริหารงานบุคคลที่รวบอำนาจการบริหารไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่กระจายอำนาจให้กับฝ่ายต่างๆที่มีอยู่ 3 ฝ่าย ทั้งๆ ที่ตำแหน่งว่างในระดับรองผู้อำนวยการ ได้แก่ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ, ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร, ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการ แต่กลับแต่งตั้งตนเองรักษาการแทนรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการ มายาวนาน อำนาจเบ็ดเสร็จจึงอยู่ที่ผู้อำนวยการแต่เพียงผู้เดียว

 

ประการที่ 3 อัตรากำลังพขร. และ พกส.

 อัตรากำลังพนักงานขับรถโดยสาร และ พนักงานเก็บค่าโดยสารถือเป็นหัวใจของการบริหารงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีหน้าที่ให้บริการประชาชนทุกวัน เดิมอำนาจในการรับสมัครบรรจุแต่งตั้งพนักงานขับรถโดยสาร และพนักงานเก็บค่าโดยสาร เป็นของเขตการเดินรถ แต่ละเขตการเดินรถแต่ผู้อำนวยการได้ยึดอำนาจรวบอำนาจให้มารับสมัครที่สำนักงานใหญ่ สร้างปัญหากระทบอย่างหนักต่อเขตการเดินรถ

การรับสมัครดำเนินได้ล่าช้ามากอัตรากำลังส่วนนี้ขาดอยู่ตำแหน่งละ 1,300 กว่าอัตรา ทำให้ไม่มีพนักงานทำหน้าที่ขับรถ และเก็บค่าโดยสาร รถออกวิ่งไม่ได้ มีรถออกวิ่งให้บริการประชาชนประชาชน เสียหายต่อการหารายได้ เป็นเหตุให้ขาดทุนเดือนละ 700 กว่าล้านบาทต่อเดือน ไม่เพียงพอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บกพร่องในเรื่องการให้บริการ

 

ประการที่ 4 การใช้งบประมาณ

การใช้งบประมาณไม่เกิดความคุ้มค่าสมประโยชน์ ใช้งบประมาณฟุ่มเฟือยนำไปปรับปรุงอาคารสถานที่ ที่สำนักงานใหญ่มากมาย โดยไม่มีความจำเป็นใดๆ สั่งการให้ย้ายหน่วยงานที่เคยอยู่ในสำนักงานใหญ่ออกไปอยู่ตามอู่ต่างๆ เช่น ย้ายสำนักงานกฎหมายไปอยู่ที่อู่กำแพงเพชรย้ายฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการ ไปอยู่ที่อู่สวนสยาม ต้องมีการขนย้ายและใช้งบประมาณในการปรับปรุงสำนักงานใหม่ที่จะย้ายไปอยู่เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น

ที่สำคัญการประสานงานภายในหน่วยงานสร้างความลำบากในการทำงานให้กับพนักงานที่ต้องประสานงานกับสำนักต่างๆ ที่อยู่ในสำนักงานใหญ่อยู่ตลอดเวลาเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการใช้รถเดินทางไปป ระสานงานติดต่องานต่างๆ ใช้งบประมาณไม่เหมาะสมกับภาระหนี้สินของหน่วยงานที่มีหนี้สินสะสมอยู่จำนวนมาก

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เห็นว่าหากให้ นายกิตติกานต์จอมดวง จารุวรพลกุล บริหารงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพต่อไป ในฐานะผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีแต่จะสร้างผลกระทบ สร้างความเสียหายต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ต่อรัฐและประชาชน มากยิ่งขึ้น จึงขอให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีบัญชาสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และหาผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วเป็นที่ประจักษ์และเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และโปร่งใสไม่มีอำนาจใดๆ เข้ามาแทรกแซง

เห็นสมควรให้ย้ายผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ออกจากพื้นที่ ให้ไปประจำการที่กระทรวงคมนาคม หรือทำเนียบรัฐบาล จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป ผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ทราบด้วย หากไม่มีการดำเนินการใดๆสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จะมีมาตรการในการเคลื่อนไหวต่อไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และของรัฐ ตามสิทธิ์ของกฎหมายต่อไป

เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย \"พขร.-พกส.\" ยังขาด

เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย \"พขร.-พกส.\" ยังขาด

เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย \"พขร.-พกส.\" ยังขาด

เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย \"พขร.-พกส.\" ยังขาด

เปิด 4 ปม สหภาพฯ จี้ปลด ผอ.ขสมก. ชี้ปัญหารถเมล์เหลือน้อย \"พขร.-พกส.\" ยังขาด