สศช. หนุนฟื้นกองทุน LTF ส่งเสริมการออม-กระตุ้นตลาดทุน

12 พ.ค. 2567 | 00:01 น.

เลขาฯ สศช. หนุนกระทรวงการคลังฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF เชื่อช่วยส่งเสริมของประชาชน และกระตุ้นตลาดทุนคึกคัก แต่ต้องประเมินผลให้ดี เพราะจะทำให้รัฐเก็บรายได้ลดลง

กรณีรัฐมนตรีป้ายแดง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดฟื้นให้มีการซื้อขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) กลับมาใหม่ เพื่อช่วยสนับสนุนตลาดทุนกลับมามีความคึกคักอีกครั้งนั้น

ล่าสุด นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า แนวความคิดฟื้นให้มีการซื้อขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ถือว่าส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย และช่วยส่งเสริมการออมของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง แต่ก็ต้องพิจารณาอัตราที่เหมาะสมอีกครั้ง

"สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ต้องมาดูว่าอัตราที่เหมาะสมก่อนว่าเท่าไหร่ เพราะหากมีการลดหย่อนมากเกินไปก็จะกระทบกับภาษี และจะกระทบกับการจัดเก็บรายได้ที่ลดลงด้วย” นายดนุชา กล่าว

ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุก่อนหน้านี้ว่า  ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล 3 กรมจัดเก็บภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร ตนจะได้นัดหารือเพื่อมอบหมายแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ซึ่งในส่วนของกรมสรรพากรนั้น ก็จะได้มอบนโยบายในเรื่อง LTF โดยเตรียมมอบหมายให้กรมสรรพากรไปศึกษาการอีกครั้ง หลังจากกระทรวงการคลังได้สั่งการให้ปิดการซื้อขายไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุน LTF คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในระบบตลาดทุนไทย ซึ่งเงินลงทุนใน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฎิทิน

ทั้งนี้ การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ปัจจุบันมีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มาแทน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา 

โดยที่ผ่านมามีแนวคิดให้มีการนำกองทุน LTF กลับมาเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการสร้าความคึกคักให้กับตลาดหุ้นไทยอีกครั้งเนื่องจากมีระยะเวลาการถือครองที่สั้นกว่า SSF คือถือครองเพียง 7 ปีปฏิทิน ในขณะที่ SSF ต้องถือครอง 10 ปีนับจากวันที่ซื้อกองทุน นอกจากนี้ LTF ยังให้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ SSF กำหนดลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานลดหย่อนไว้ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น

สำหรับกองทุน LTF คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพในระบบตลาดทุนไทย ซึ่งเงินลงทุนใน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 7 ปีปฎิทิน

ทั้งนี้ การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ปัจจุบันมีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มาแทน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา 

โดยที่ผ่านมามีแนวคิดให้มีการนำกองทุน LTF กลับมาเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการสร้าความคึกคักให้กับตลาดหุ้นไทยอีกครั้งเนื่องจากมีระยะเวลาการถือครองที่สั้นกว่า SSF คือถือครองเพียง 7 ปีปฏิทิน ในขณะที่ SSF ต้องถือครอง 10 ปีนับจากวันที่ซื้อกองทุน 

นอกจากนี้ LTF ยังให้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ SSF กำหนดลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน และกำหนดเพดานลดหย่อนไว้ไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น