วันนี้ (18 พฤษภาคม 2567) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-เมษายน) ว่า กรมฯ ได้มีการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้ว 253 ราย เกิดเงินลงทุนรวม 54,958 ล้านบาท โดยในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีทั้งหมด 77 ราย คิดเป็น 30% มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ถึง 14,033 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 77 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 34 ราย หรือเพิ่มขึ้น 79%
ส่วนมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 14,033 ล้านบาท คิดเป็น 26% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 6,512 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 87% เป็นนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ดังนี้
สำหรับธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC มีดังนี้
1. ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิคเช่น ให้คำแนะนำในการติดตั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักร ให้คำปรึกษา และแนะนำเชิงเทคนิคเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุขัดข้องจากการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์
2. ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้า
3. ธุรกิจบริการซ่อมแซมหินเจียร ใบหินตัด ใบเลื่อย เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบทำด้วยเพชร
4. ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปทางด้านภาพ เสียงระบบนำร่อง และชิ้นส่วน/ แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ และชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป/ อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์)
5. ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและ/หรือให้บริการ เช่น ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล
สำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ถือเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ของรัฐบาล เพื่อรองรับการลงทุน โดยได้ต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นที่รู้จักกว่า 30 ปี หรือที่เรียกว่า อีสเทิร์นซีบอร์ด ครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
โดยเริ่มต้นจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน โดยถูกบรรจุในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางการเงิน การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว และการพัฒนาบุคลาการ การศึกษา การวิจัย และเทคโนโลยี