วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจทุกด้าน และเห็นถึงความจำเป็นในการหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานไปจัดทำรายละเอียดมาเสนออีกครั้ง ภายใน 2 สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ในการหารือทุกหน่วยงานได้มีการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ให้กับที่ประชุมรับทราบภายหลังจากเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด อยู่ที่ 1.5% และทั้งปี สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 2.5% เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขทั้งระยะสั้นแบบเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว
“การประชุมวันนี้ยังไม่ได้มีมาตรการออกมาชัด ๆ แต่สิ่งที่มองเห็นคือต้องเร่งแก้ปัญหาสภาพคล่อง เพื่อช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นเรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้า และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เข้าร่วมประชุมและเห็นด้วยถึงปัญหา โดยความจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องมี” นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น กระทรวงการคลังจะพยายามหางบประมาณมากระตุ้น ล่าสุดก็ได้มีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2568 ก็ตั้งไว้อีก 1.6 แสนล้าน เมื่อรวม 2 ปีงบประมาณ จะมีเงินประมาณ 3 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังเตรียมมอบหมายให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ออกโครงการมาช่วยเติมสภาพคล่อง และแก้ปัญหาหนี้สิน ขณะที่ธปท. เอง ก็ต้องหารือกับธนาคารพาณิชย์ ให้มีความยืดหยุ่นในการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และหาทางช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินได้สะดวกมากขึ้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการหนึ่งที่เตรียมจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ คือมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หรือ PGS รอบที่ 11 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็ม ซึ่งในรอบนี้จะเพิ่มเงื่อนไขในการปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีรายใหม่ก่อนเป็นลำดับแรก คาดว่า มาตรการนี้ จะเสนอให้ครม. เห็นชอบได้ภายใน 2 – 3 สัปดาห์นี้
พร้อมกันนี้นายกฯ ยังมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หาทางกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่น โดยเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเป็นหลัก พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลัง ยังเตรียมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองท่องเที่ยวรอง ซึ่งตอนนี้มีรายละเอียดแล้วและจะประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการด้านภาษีนั้น กระทรวงการคลัง จะเตรียมนำมาเสนอที่ประชุมรับทราบอีกครั้ง เช่น ภาษีสรรพสามิต เพื่อสนับสนุนกลไกของคาร์บอนเครดิต มุ่งสู่สังคมสีเขียว
รวมทั้งยังหารือถึงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษี Global Minimum Tax หรือการกำหนดให้ธุรกิจมีการเสียภาษีขั้นต่ำ ที่อัตรา 15% ตามข้อตกลงร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรมในด้านการจัดเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะเสนอครม. และนำเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป
"รมว.คลัง ได้นำเสนอการขับเคลื่อน และกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีความสำคัญ เชื่อว่าจะออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แต่ระหว่างที่รอดิจิทัลวอลเล็ต ปลัดกระทรวงการคลัง เสนอว่า ควรคิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระหว่างนี้ถึงปลายปี ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้รับเป็นโจทย์และจะนำมาหารืออีกครั้ง" นายจุลพันธ์ กล่าว