นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ทำการศึกษาวิเคราะห์ผลักดันการส่งออก “สินค้าระดับรอง” ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
จากข้อมูลการส่งออกสินค้าของไทยพบว่า การส่งออกสินค้าในแต่ละหมวด มีการกระจุกตัวอยู่ที่ “สินค้าหลัก” มาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งในปัจจุบัน สินค้ากลุ่มดังกล่าวต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นและการเติบโตที่ลดลง ส่งผลให้การส่งออกของไทยยังไม่สามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพเท่าที่ควร นอกจากกลยุทธ์การเปิดตลาดใหม่และเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดเดิมแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันสินค้าตัวเด่นระดับรอง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ มีการเติบโตได้ดี และมีความต้องการจากตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีมูลค่าการส่งออกน้อย
ข้อมูลการส่งออกในปี 2566 เผยให้เห็นว่า สินค้าส่งออก 20 อันดับแรกของไทย ค่อนข้างกระจุกตัวในสินค้ากลุ่มเดิม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “สินค้าหลัก” ที่เป็น “พระเอก” ในการส่งออกของไทย ที่มีมูลค่าการส่งออกมากถึง 181,864.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 6,270,411.4 ล้านบาท คิดเป็น 63.9% ของมูลค่าการส่งออกรวม ประกอบไปด้วย
สนค. จึงได้วิเคราะห์สินค้าส่งออกที่เหลือ ซึ่งมีมูลค่า 102,696.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,538,596.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.1% ของมูลค่าการส่งออกรวม จากการวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตและความต้องการของโลกภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 พบว่า “สินค้าระดับรอง” ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความน่าสนใจ มีศักยภาพในการส่งออกเพื่อผลักดันให้มีมูลค่าส่งออกเพิ่มมากขึ้น เช่น
นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สนค. อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อระบุ “สินค้าระดับรอง” และจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการผลักดันเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมไปถึงภาคเอกชนและผู้ประกอบการ จำเป็นต้อง บูรณาการความร่วมมือ เพื่อร่วมกันหาแนวทางและกลยุทธ์ผลักดันการส่งออก “สินค้าระดับรอง” ของไทย รวมไปถึงการวิเคราะห์หาตลาดใหม่ ๆ เพื่อเร่งขยับตัวเลขส่งออก ตามนโยบาย “ขยายตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่” ของรัฐบาล และเพื่อให้การส่งออกยังสามารถเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยต่อไป