จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ไล่บี้พาณิชย์ดึง Temu จดทะเบียนไทย

07 ส.ค. 2567 | 07:07 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ส.ค. 2567 | 07:29 น.

กูรูอีคอมเมิร์ซ จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนหลั่งไหลเข้าไทยทั้งระบบไม่ใช่เฉพาะ Temu แนะกลยุทธ์ “ตั้งรับ - จับมือ – รุกกลับ” สู้ศึก ไล่บี้พาณิชย์ เจรจา Temu จดทะเบียนไทย หากไม่ปฎิบัติตามกฎหมายไทย กล้าใช้ยาแรงบล็อกธุรกรรมซื้อขาย ด้าน“คลัง”สั่งสรรพากร หาช่องเก็บ VAT

KEY

POINTS

  • กูรูอีคอมเมิร์ซเมืองไทย ระบุรัฐบาลมีการตอบสนองต่อกระแสการเข้ามาของ Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนรวดเร็ว โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางรับมือ
  • ช่องทางการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าจีนนั้นไม่ได้มีแค่ Temu ยังมีช่องทางผ่านทั้งลาซาด้า ช้อปปิ้ และ TikTok Shop สิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลจะต้องทำคือ มองภาพรวมของปัญหานี้ และหาแนวทางแก้ไขที่เป็นระบบ ทำงานกับเอกชน ในแนวทางที่คิดไว้ คือ ตั้งรับ - จับมือ - รุกกลับ”
  • กระทรวงการคลัง มอบหมายกรมสรรพากร เข้าไปดูรายละเอียด ดึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีน “Temu” หรือเทมู ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นั้น เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ กลุ่มบริษัท efrastructure Group ผู้บุกเบิกวงการอีคอมเมิร์ซ และการตลาดดิจิทัลเมืองไทย เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่ารัฐบาลมีการตอบสนองต่อกระแสการเข้ามาของ Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนรวดเร็ว โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางรับมือ อย่างไรก็ตามช่องทางการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าจีนนั้นไม่ได้มีแค่ Temu ยังมีช่องทางผ่านทั้งลาซาด้า ช้อปปิ้ และ TikTok Shop

จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ไล่บี้พาณิชย์ดึง Temu จดทะเบียนไทย

“สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้หยุดการไหลบ่าของสินค้าจีนเข้ามาได้ สิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลจะต้องทำคือ มองภาพรวมของปัญหานี้ และหาแนวทางแก้ไขที่เป็นระบบ ทำงานกับเอกชน ในแนวทางที่คิดไว้ คือ ตั้งรับ - จับมือ - รุกกลับ”

โดยการตั้งรับนั้นต้องศึกษาผลที่เกิดขึ้นตอนนี้ของการมาของธุรกิจจีน สินค้าจีน ในทุกด้านอุตสาหกรรม และร่วมทำร่วมกับสถาบัน Research ต่างๆ ของไทย ที่สำคัญ ภาครัฐต้องเข้มงวดกับกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และออกกฎหมายใหม่ที่มีปกป้องเป็นธรรม และมาตรฐานโลกกับธุรกิจไทย สุดท้ายต้องผลักดัน Marketplace ประเทศไทย D Market ที่มีอยู่แล้วในแอป เป๋าตัง

จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ไล่บี้พาณิชย์ดึง Temu จดทะเบียนไทย

ส่วนการจับมือนั้นเอกชน รัฐบาล ผู้ประกอบการ สมาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจับมือร่วมกัน ขณะที่ภาครัฐ ต้องจับมือ ปรึกษา หาแนวทางกับรัฐบาลจีน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ภาครัฐ ต้องสร้างความแข็งแกร่งของเอกชนไทย ให้แข็งแกร่งมากขึ้น นำเทคโนโลยีใหม่ สนับสนุนคนไทย รวมไปถึงคนไทยที่เก่งด้านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Startup

สุดท้าย คือ รุกกลับ โดยรัฐบาล จะต้องสนับสนุนธุรกิจไทย รุกออกนอกประเทศ ไปยังต่างประเทศ รวมไปถึงอาเซียนผ่านทางออนไลน์ ร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ (Cross Border) พร้อมทั้งพัฒนานักรบดิจิทัล กลุ่มบริษัทไทยที่มีความเชี่ยวชาญ นำพาสินค้าไทยออกนอกประเทศ และสนับสนุน ปรับกฎหมาย ใช้ทรัพยากรที่มี ผลักดันสินค้าไทยผ่านทางออนไลน์ E-Crossboarder

นายภาวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า กรณีการรับมือกับ Temu ของกระทรวงการคลัง ล่าสุดที่มอบหมายให้สรรพากรไปประสาน Temu ให้เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะ Temu ไม่ได้จดทะเบียนในไทย ไม่มีสำนักงานในไทย ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวนั้น กระทรวงพาณิชย์ ควรไปเร่งเจรจาดึงให้ Temu เข้ามาเริ่มจดทะเบียนในไทย และดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายไทยก่อน หาก Temu ไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ต้องกล้าใช้ยาแรง โดยต้องปิดกั้นการเข้าถึง หรือ บล็อก แอป Temu ไม่ให้สามารถทำธุรกรรมซื้อขายในไทยได้

จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ไล่บี้พาณิชย์ดึง Temu จดทะเบียนไทย

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง กล่าวว่ากรณีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากจีน “Temu” หรือเทมู ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นั้น ได้มอบหมายกรมสรรพากร เข้าไปดูรายละเอียด ซึ่งสุดท้ายแพลตฟอร์มเหล่านี้จะต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

“ตอนนี้ทางกรมสรรพากร ได้ส่งอีเมล เพื่อประสานงานไปถึง Temu แล้ว เพราะบริษัทไม่มีการจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย เบื้องต้น กำลังอยู่ระหว่างประสานงานว่า ให้เข้ามาสู่ระบบภาษีตามกฎหมายของประเทศไทย”

สำหรับปัจจุบันในการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มนั้น ล่าสุด รัฐบาลได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษี VAT สำหรับนำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท โดยระยะแรกได้ใช้กลไกของกรมศุลกากรให้เข้ามาช่วยเก็บ VAT ให้ก่อน

ส่วนในอนาคตทางแพลตฟอร์มก็ต้องทำการพัฒนาระบบ เพื่อมาเชื่อมต่อกับระบบจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร และ Temu เองก็จะเป็นหนึ่งในนี้ด้วย ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ได้ประสานไปหมดแล้วเช่นกัน คาดว่าต้นปี 2568 การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มก็จะเรียบร้อย

 ขณะทีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่ากการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งให้ตรวจสอบแอปพลิเคชั่น Temu ว่า แพลตฟอร์มนี้ได้มาจดแจ้งที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

จี้รัฐแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก ไล่บี้พาณิชย์ดึง Temu จดทะเบียนไทย

ส่วนที่หลายฝ่ายกลัวว่าแพลตฟอร์ม Temu ขายสินค้าราคาถูก จะตัดช่องธุรกิจในประเทศไทยนั้น เป็นประเด็นที่ทางกระทรวงดีอี ติดตามอยู่ การขายสินค้าของแพลตฟอร์มนี้ เป็นการขายสินค้าตรงจากทางโรงงาน หลายสินค้าไม่มีแบรนด์อาจทำให้สินค้าราคาถูก ซึ่งต้องเข้าไปดูองค์ประกอบด้วยเช่นคุณภาพสินค้า ที่มีการลดราคาสูงถึง 90% หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องติดตามดู

นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) แต่ในส่วนของกระทรวงดีอี เราจะดูเรื่องแพลตฟอร์มเป็นหลัก เช่นจะต้องมีการคืนสินค้า การขนส่ง ส่วนเรื่องคุณภาพและมาตรฐานสินค้าก็มีหน่วยงานที่กำกับดูแลอยู่แล้ว ย้ำว่าเรื่องนี้จะต้องมีการหารือกัน และตนจะพูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์

ตนเห็นว่าแพลตฟอร์ม Temu เริ่มยิงโฆษณาเยอะและหลายประเทศได้รับผลกระทบ และสินค้าส่วนใหญ่ไม่มีแบรนด์ และบางครั้งคนก็สนใจเรื่องความถูกมากกว่าแบรนด์ แต่เราต้องดูเรื่องคุณภาพของสินค้าด้วย