นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ด้วยรัฐบาลมีวิสัยทัศน์ในการยกระดับการเงินของประเทศไทยโดยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) ในระดับภูมิภาคและระดับโลกนั้น เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวครั้งแรกในสัปดาห์นี้
สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีทั้งหมด 34 คน โดยมีตนเป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน รวมทั้งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ อาทิ
ทั้งนี้ การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Financial Hub จำเป็นต้องพิจารณาแนวทางในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ Financial Hub ที่เหมาะสม การให้สิทธิประโยชน์และอำนวยความสะดวกและการพัฒนาสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ด้านต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการเป็น Finandal Hub ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันหลายฉบับ
“ในการนี้ จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน”
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะมีอำนาจ ได้แก่
1. ศึกษา เสนอแนะ และจัดทำนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
2. เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน มาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและความเห็น รวมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการเห็นสมควร
3. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการ
4. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย