"ท่าเรือกรุงเทพ" ยกระดับเขตปลอดอากร ปูพรหมขึ้นแท่นฮับโลจิสติกส์โลก

07 ก.ย. 2567 | 09:51 น.
อัพเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2567 | 09:51 น.

"ท่าเรือกรุงเทพ" ยกระดับเขตปลอดอากร ปูพรหมขึ้นแท่นฮับโลจิสติกส์โลก เดินหน้าเชื่อมโยงระบบขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศ มุ่งต่อยอดธุรกิจนำเข้า ส่งออก ให้ผู้ประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ท่าเรือกรุงเทพ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับท่าเรือกรุงเทพไปสู่การเป็นเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า โดยเชื่อมโยงระบบการขนส่งหลากหลายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และเพื่อต่อยอดธุรกิจนำเข้า ส่งออก ให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเก่า รายใหม่ รายใหญ่ และรายย่อย

ล่าสุดได้ดำเนินการการจัดตั้งเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ (Bangkok Port Freezone) เพื่อตอบสนองนโยบายของสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้ใช้บริการท่าเรือกรุงเทพในปัจจุบันได้อย่างตรงจุด 
 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนการค้าการลงทุน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการบนเวทีโลก และทำให้ท่าเรือกรุงเทพพัฒนาเป็นศูนย์กลาง (Hub) สำคัญด้านโลจิสติกส์ในระดับสากล

สำหรับโครงการเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ จะดำเนินการบนพื้นที่รวม 24,000 ตารางเมตร โดยเป็นความร่วมมือระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร และหน่วยงานเอกชน (บริษัท สปีดิชั่น ซิกม่า จำกัด)

ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินงานคือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ดูแลในฐานะเจ้าของพื้นที่ และหน่วยงานเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนพร้อมบริหารจัดการโครง โดยด้านสิทธิประโยชน์ในเขตปลอดอากร ตามกฎหมายศุลกากร จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้า - อากรขาออก และยังได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพ การประทับตราหรือเครื่องหมายใด ๆ กับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือนำวัตถุดิบภายในราชอาณาจักร 

โดยนำเข้าไปในเขตปลอดอากร เพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดกับของนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ลดอัตราอากร ยกเว้นอากรศุลกากรลงเท่ากับอัตราอากรที่ได้รับสิทธิพิเศษภายใต้สัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ ตามประกาศกระทรวงการคลัง

จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายสินค้าเข้า – ออก และการดำเนินพิธีการตรวจปล่อยสินค้า สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนด้านการขนส่งได้อย่างเป็นรูปธรรม