พบทุนใหม่ “ตั้งฮั่วเส็ง” ถือหุ้นร่วม “สารวัตรซัว” ผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์

16 ก.ย. 2567 | 05:04 น.

เบื้องลึกนายทุนใหม่ “ตั้งฮั่วเส็ง” ฐานเศรษฐกิจ ตรวจเช็คข้อมูลพบถือหุ้นร่วมกับ “สารวัตรซัว” ผู้ต้องหาสำคัญในคดีเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ ใน 2 บริษัท

“ตั้งฮั่วเส็ง” หนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังระดับตำนาน ประกาศขายกิจการต่อให้กับเจ้าของใหม่ คือ บริษัท เอ็มพีวี โฮลดิ้ง จำกัด ภายใต้การดูแลของ 3 นายทุนใหญ่ หนึ่งในนั้นมีสายสัมพันธ์ลึกเชื่อมโยง “สารวัตรซัว” หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล อดีตสารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ ผู้คุมอาณาจักรธุรกิจใต้ดินรายใหญ่ที่ยังอันตรธานอยู่ต่างประเทศ

ก่อนหน้านี้ ฐานเศรษฐกิจ เปิดข้อมูลเบื้องลึก 3 นักลงทุนรายใหญ่ที่เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง ผ่าน บริษัท เอ็มพีวี โฮลดิ้ง จำกัด พบข้อมูลว่า บริษัท เอ็มพีวีฯ จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 มีกรรมการและผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย นายมานัส เติมธนะศักดิ์ ถือหุ้นสูงสุด 20,000 หุ้น รองลงมาคือ นายวิชา พร้อมเพรียงชัย ถือหุ้น 15,000 หุ้น และนายพิสิทธิ์ กาญจนชูศักดิ์ ถือหุ้น 15,000 หุ้น

จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับหนึ่งในผู้บริหารของเอ็มพีวีฯ นั่นคือ นายมานัส เติมธนะศักดิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เขาคือ "เซียนอ้วนลอยฟ้า" เป็นเจ้าของร้านเช่าพระเครื่องชื่อดังย่านท่าพระจันทร์และปิ่นเกล้า ที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง

แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทต่าง ๆ ที่ “มานัส เติมธนะศักดิ์” ถือหุ้น ผ่านระบบการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ Creden Data จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ส่งงบการเงินในปี 2566 นั้น พบว่า เขามีรายชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ รวม 7 แห่งที่ยังดำเนินกิจการอยู่

โดยเฉพาะเป็นกรรมการบริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ในหัว เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับ ร.ต.ท.มานัส เติมธนะศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหาร บริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารตลาดไชยทิศ ริมทางรถไฟย่านตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย กทม.

ยิ่งขุดยิ่งเจอข้อมูลที่น่าสนใจ เพราะเมื่อไปตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทที่ “มานัส เติมธนะศักดิ์” ถือหุ้น อย่างน้อย 2 แห่ง นั่นคือ บริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เจ้าพระยา คลองเตย จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่า เช่าช่วง เช่าซื้อ ขาย ฝากขาย และเปลี่ยนทรัพย์สิน เครื่องมือและอุปกรณ์ทุกชนิด พบว่า ทั้ง 2 บริษัท ปรากฎชื่อของ “สารวัตรซัว” หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว แยกเป็น

  • บริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด : “มานัส เติมธนะศักดิ์” และ “สารวัตรซัว” ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วน 50% จำนวน 999,999 หุ้น คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 53,149,493 บาท
  • บริษัท เจ้าพระยา คลองเตย จำกัด : “มานัส เติมธนะศักดิ์” ถือหุ้นอันดับที่ 1 สัดส่วน 50% จำนวน 10,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 208,575 บาท ขณะที่“สารวัตรซัว” ถือหุ้นอันดับที่ 2 สัดส่วน 49% จำนวน 9,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 204,403 บาท

สำหรับข้อมูลบริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 200 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของ ตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย โดยมีวัตถุประสงค์การบริการให้เช่าพื้นที่และค่าไฟฟ้า-น้ำประปา

รายงานงบการเงินนำส่งปีล่าสุด 2566 พบว่า มีสินทรัพย์รวม 158,259,237 บาท หนี้สินรวม 51,960,250 บาท รายได้รวม 17,703,428 บาท รายจ่ายรวม 29,819,383 บาท และมีผลประกอบการ ขาดทุน 12,115,954 บาท

ส่วนบริษัท เจ้าพระยา คลองเตย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563 มีทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่าและการให้เช่าแบบลีสซิ่งเครื่องจักรอุปกรณ์ และสินค้าที่จับต้องได้อื่นๆซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้เช่า เช่าช่วง เช่าซื้อ ขาย ฝากขาย และเปลี่ยนทรัพย์สิน เครื่องมือและอุปกรณ์ทุกชนิด

รายงานงบการเงินนำส่งปีล่าสุด 2566 พบว่า มีสินทรัพย์รวม 17,767,790 บาท หนี้สินรวม 17,350,640 บาท รายได้รวม ไม่มี รายจ่ายรวม 9,000 บาท และมีผลประกอบการ ขาดทุน 9,000 บาท

นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบข้อมูลของ บริษัท ในหัว เทรดดิ้ง จำกัด พบข้อมูลว่า “สารวัตรซัว” หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล ก็เคยเป็นหนึ่งในกรรมการของบริษัท ในหัว เทรดดิ้ง แต่ได้แจ้งลาออกจากกรรมการไปเมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา 

เช่นเดียวกับ บริษัท ในหัว กรุ๊ป จำกัด ที่ได้เปลี่ยนแปลงกรรมการ โดย “สารวัตรซัว” แจ้งลาออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เช่นกัน โดยปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทมีรายชื่อกรรมการ เพียงคนเดียวคือ “มานัส เติมธนะศักดิ์”