นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องกรอบการบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2568 โดยกรอบบริหารหนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.586 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้ เป็นการก่อหนี้ใหม่ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท และคาดว่าระดับหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 66%ต่อจีดีพี
สำหรับหนี้สาธารณะในระดับดังกล่าว ถือว่า ยังต่ำกว่ากรอบวินัยการคลังที่รัฐบาลกำหนดไว้ไม่เกิน 70%ต่อจีดีพี ซึ่งตามแผนการคลังระยะปานกลาง ในช่วงปี 2568-2571 คาดการณ์ว่า ระดับหนี้สาธารณะของปี 2569 จะเริ่มอยู่นิ่ง และเริ่มปรับตัวลดลงในปี 2570 ประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่า เศรษฐกิจไทยจะมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะที่กรอบการบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2568 ที่อยู่ 2.586 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น การกู้ยืมใหม่ 1.057 ล้านล้านบาท และ ปรับโครงสร้างหนี้ 1.529 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ การกู้ยืมใหม่นั้น ส่วนสำคัญมาจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลของรัฐบาล ในวงเงิน 8.65 แสนล้านบาท
นายพิชัย กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังในปีหน้านั้น เป็นเรื่องของดอกเบี้ยขาลงในตลาดโลก ซึ่งเรามองว่า น่าจะเป็นผลดีต่อการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาล ส่วนความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนนั้น เนื่องจากเรามีการกู้เป็นเงินตราต่างประเทศในระดับที่ต่ำ ความเสี่ยงด้านนี้จึงมีน้อย
สำหรับปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค.67 หนี้สาธารณะไทยอยู่ที่ระดับ 63.74% แบ่งเป็น