วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2567) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงตัวเลขด้านการลงทุนในประเทศไทยว่า ตั้งแต่เดือน มกราคม - กันยายน 2567 (9 เดือน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 636 ราย คิดเป็นเงินลงทุนรวม 134,805 ล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
“ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศคือ ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ ที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง” นายจิรายุ ระบุ
สำหรับข้อมูลล่าสุดพบว่า มีนักลงทุนชาวต่างชาติได้เข้ามาลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ของประเทศไทย มีสัดส่วนการลงทุนมูลค่า 28,397.26 ล้านบาท คิดเป็น 7.27% แยกเป็น กลุ่มแพลตฟอร์ม 11,721.44 ล้านบาท กลุ่มซอฟต์แวร์ 16,675.82 ล้านบาท โดยต่างชาติที่มาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก มีดังนี้
นายจิรายุ กล่าวว่า ในภาพรวม 9 เดือนของปี 2567 ซึ่งอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย 636 ราย คิดเป็นเงินลงทุนรวม 134,805 ล้านบาทนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 143 ราย คิดเป็น 29% และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 50,792 ล้านบาท คิดเป็น 60%
สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
ส่วนการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของนักลงทุนต่างชาติช่วง 9 เดือน ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติลงทุน 207 ราย (33% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 108 ราย (109%) มูลค่าการลงทุน 39,830 ล้านบาท (30% ของเงินลงทุนทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 23,690 ล้านบาท (147%) โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ดังนี้