วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2567) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์ จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ในปี 2567 ว่า กระทรวงพาณิชย์ประเมินการจดทะเบียนตลอดไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ยังมีปัจจัยกระตุ้นด้านการลงทุนหลายอย่าง ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2567 จะมีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เกิน 90,000 ราย
สำหรับปัจจัยกระตุ้นสำคัญด้านการลงทุน ประกอบไปด้วย โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานปีงบประมาณ 2568 ที่จะเริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 (ตุลาคม 2567) การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวในหลายภูมิภาค และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ทั้งนี้จากปัจจัยทั้งหมด จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในสถานการณ์การประกอบธุรกิจ และความเชื่อมั่นในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพิ่มขึ้นช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับภาคเศรษฐกิจไทย
สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนตุลาคม 2567 มีจำนวน 7,267 ราย เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มขึ้น 620 ราย (9.33%) และทุนจดทะเบียน 30,149.01 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มขึ้น 2,938.03 ล้านบาท (10.80%)
ประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม 2567 มีนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท ที่เกิดจากการควบรวมกิจการจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นการควบระหว่างบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เดิม (ห้างแม็คโคร) กับบริษัท เอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (ห้างโลตัส) เป็น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ใหม่ มูลค่าทุนจดทะเบียน 10,427.66 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าส่งและค้าปลีก
สำหรับการจัดตั้งธุรกิจใหม่สะสม 10 เดือน (มกราคม - ตุลาคม) ปี 2567 มีจำนวน 76,953 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 1,641 ราย (2.18%) ทุนจดทะเบียน 238,630.39 ล้านบาท ลดลง 282,952.67 ล้านบาท (54.25%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
ทั้งนี้เนื่องจาก ปี 2566 มีทุนจดทะเบียนสูงสุดในประวัติการณ์เพราะมี 2 ธุรกิจที่ทุนจดทะเบียนเกิน 100,000 ล้านบาท ได้ควบรวมและแปรสภาพ โดยในช่วง 10 เดือนปี 2567 มีประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวน 2,516 ราย เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มขึ้น 276 ราย (12.32%) และทุนจดทะเบียนเลิก 9,899.41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 เพิ่มขึ้น 945.17 ล้านบาท (10.56%) ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
ขณะที่ยอดการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการสะสม 10 เดือน (มกราคม - ตุลาคม 2567) มีจำนวน 14,762 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ลดลง 488 ราย (3.20%) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสม 125,904.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 35,549.79 ล้านบาท (39.34%)
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากในเดือนพฤษภาคม 2567 มีธุรกิจด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร 1 ราย ที่ทุนจดทะเบียนกว่า 48,209.34 ล้านบาท แต่มีการปรับโครงสร้างการดำเนินการและไม่ได้ประกอบกิจการใดแล้วจึงจดทะเบียนเลิกธุรกิจ เป็นเหตุให้ตัวเลขทุนจดทะเบียนเลิกสะสมในช่วง 10 เดือน ปี 2567 สูงกว่าปกติ ซึ่งหากไม่รวมทุนจดทะเบียนเลิกของธุรกิจโทรคมนาคมรายนี้ มูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจะลดลงถึง 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 941,727 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.34 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น