ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดอาหารจีนมีความคึกคักอย่างมากจากอิทธิพลซีรีย์จีนที่กำลังเป็นนิยมในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดอาหารจีนนำโดยอาหารประเภทหม้อไฟและหม่าล่า กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยขนาดมูลค่าตลาดที่สูงราวๆ 5-6 พันล้านบาทเติบโตดับเบิ้ลดิจิดทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้ามาแจมตลาดอย่างคึกคัก
รวมทั้งบิ๊กเพลย์เยอร์ของอุตสาหกรรมอาหารอย่าง “ ไมเนอร์ ฟู้ด ” ที่มีแบรนด์อาหารจีนในมืออย่าง "ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศจีนและสิงคโปร์อดใจไม่ไหวต้องนำแบรนด์นี้เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารจีนในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งอาหารจีนมีหลายประเภทแตกต่างตามภูมิศาสตร์ของประเทศที่มีขนาดใหญ่ โดยเทรนด์อาหารจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมากคืออาหารเป็นประเภทเสฉวน หม่าล่ารวมทั้งชาบูและปิ้งย่าง นอกจากมีการเติบโตค่อนข้างสูงแล้วยังเป็นเทรนด์อาหารที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ทั้ง กลุ่มนักศึกษา และเฟิร์สจ็อบเปอร์ที่นิยมทานอาหารประเภทหมาล่ามากขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอาหารจีนน่าจะอยู่ที่ราวๆ 5-6 พันล้านบาทเติบโต ดับเบิ้ลดิจิด แต่ผู้เล่นในตลาดยังคงเป็นกลุ่มindependent ค่อนข้างเยอะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาดเป็นหลัก ขณะที่เชนร้านอาหารขนาดใหญ่ยังมีเพียงประปรายเท่านั้น ดังนั้นการแข่งขันของตลาดอาหารจีนยังไม่นับว่าดุเดือดมากนัก และยังสามารถเติบโตได้อีกเยอะ
สำหรับแบรนด์ “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช เกิดขึ้นในปี 2005 ที่ปักกิ่งและไม่ถือว่าแบรนด์ใหม่สำหรับไมเนอร์ เพราะไมเนอร์ ฟู้ดได้เข้าไปร่วมลงทุนกับแบรนด์นี้ตั้งแต่ปี 2012 และเติบโตมาเรื่อยๆ ก่อนที่ในปี 2017 ไมเนอร์จะเข้าถือหุ้น 100% และขยายสาขาไปยังไปเซี่ยงไฮ้ และเมืองอื่นๆในประเทศจีนและปัจจุบันมีเกือบ 150 สาขาในจีน และกลายเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศจีน
“เราก็มองเห็นโอกาสในประเทศไทย เพราะตลาดนี้กำลังมาและเราเชื่อมั่นในคุณภาพซอสของเราจากการที่ลูกค้าในจีนเมื่อทานปลาเสร็จแล้ว ขอซอสกลับบ้านเพื่อนำกลับไปทำอาหารอย่างอื่นได้ สิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารประเภทนี้ได้รับความนิยมมาจากประสบการณ์การทาน เรามีปลาให้เลือก 4 ชนิด มีซอสให้เลือก 5 ชนิด สำหรับเมืองไทยเราจะใช้ซอสหม่าล่าเป็นซุปชูโรง และที่แตกต่างจากประเทศอื่นคือเรามีหม่าล่าทัง หรือหม่าล่าผัดที่ลูกค้าสามารถ DIY ได้เลือกได้”
นอกจากนี้ผู้บริหารยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้จะเปิดร้าน “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า” 2 สาขาคือเซ็นทรัลเวิร์ลช่วงต้นเดือน และสาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ในช่วงปลายเดือน เพราะมั่นใจว่า concept นี้จะตอบโจทย์คนไทยแน่นอน”
"เราเชื่อว่าแบรนด์นี้สามารถเติบโตได้ แต่จุดเริ่มต้นเราอยากทำให้แบรนด์นี้เป็นสแตนดาร์ดเดียวกับประเทศจีนในเรื่องของการทำอาหาร ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแต่หลังจากนิ่งแล้ว เราจะขยายตัวได้เร็วตอนนี้เรามีสาขาที่จีน 140 สาขา สิงคโปร์ 5 สาขา สำหรับประเทศไทยเรามอง อย่างน้อยเกิน 10 สาขาใน 3-4 ปี เริ่มจากปีนี้เรามองการขยายสาขาอยู่ที่ 2-3 สาขา ตอนนี้มีแผนเปิด 2 สาขาภายในเดือนนี้
และจะดูช่วงปลายปีอีกครั้งหากได้รับการตอบที่ดีอาจจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในกรุงเทพฯ ใช้งบลงทุน 10-12 ล้านบาทต่อสาขา โดยเฉพาะโซนออฟฟิศหรือ ครอบครัวไทยจีน ซึ่งยังมีหลายโซนที่มีโอกาสเพราะตอนนี้เรายังเปิดแค่โซนCBD ซึ่งเราต้องดูก่อนว่าผลตอบรับเป็นอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่ายังมีความท้าทายในการทำธุรกิจ เพราะอาหารจีนทำไม่ง่ายและต้องใช้สกิลสูง เราใช้พ่อครัวที่มีประสบการณ์อาหารจีนกว่า 20 ปีมี เมนูประมาณ 40 เมนู นำเข้า วัตถุดิบหลักๆจากจีน”