“บูม-เบลล์” 2 สาว ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ “หมีเนย”

21 ก.ค. 2567 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ค. 2567 | 11:30 น.

“หมีเนย” ขวัญใจมหาชน ผู้ปลุกกระแสไวรัล ดังเป็นพลุแตก กับกลยุทธ์การตลาด Mascot Marketing เจ้าของร้าน “Butterbear” หนึ่งเดียว พร้อมปรับแผนเปิดจองตั๋วออนไลน์ เข้าคิวพบปะน้อง นำรายได้มอบให้กับรพ.ศิริราช เดินหน้าออกซิงเกิ้ลใหม่ ตอบรับ FC ไทย-จีน

ปรากฏการณ์ “ห้างแตก” จากเหล่าฝูงชนที่แห่มาชื่นชม “หมีเนย” ขวัญใจมหาชนดวงใหม่! คาแรกเตอร์สุดน่ารักจากร้าน “Butterbear” ที่กำลังโด่งดังไกลครองใจชาวจีนจนต้องบินมาพบตัว รวมไปถึงคนไทย ที่ถูกความน่ารักของ “หมีเนย” ตก จนกลายเป็นแฟนด้อมจำนวนมากทำให้หลายคนอยากรู้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ “หมีเนย” คือใคร

 วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์” และ “เบลล์-ธนาภา ปางพุฒิพงศ์” 2 สาว เจ้าของร้าน Butterbear ผู้สร้างให้เกิด “หมีเนย”

“บูม-เบลล์” 2 สาว ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ “หมีเนย”

นางสาวธนวรรณ (ปางพุฒิพงศ์) วงศ์เจริญรัตน์ และนางสาวธนาภา ปางพุฒิพงศ์ 2 ทายาทของนางณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน “คอฟฟี่บีน บาย ดาว” (COFFEE BEANS by Dao) ร้านอาหารชื่อดัง ร่วมกันเล่าที่มาของ “หมีเนย” ว่า เพราะ เติบโตมาในครอบครัวที่มีแพชชั่นด้านการทำอาหารและขนม จึงได้มีโอกาสเรียนรู้การทำธุรกิจจากร้านคอฟฟี่บีน บาย ดาว ของคุณแม่ หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จึงนำมาต่อยอดสู่ธุรกิจตัวเอง

โดยเริ่มต้นร้าน Skinnylicious แบรนด์ขนมเบเกอรีเพื่อสุขภาพ และเมื่อ Skinnylicious ประสบความสำเร็จโด่งดังทั้งในร้านค้าออนไลน์และมีหน้าร้านในห้างชื่อดัง จึงจับมือกันคิดสูตรขนม ทุ่มแรงกายแรงใจปั้น ‘Butterbear’ แบรนด์น้องใหม่ที่สร้างปรากฏการณ์สุดคึกคักให้กับวงการคาเฟ่และธุรกิจร้านขนมไทยในขณะนี้

 “บูม – ธนวรรณ” เล่าว่า แรงบันดาลใจให้เกิด “Butterbear” เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19  “ช่วงแรกที่มีความคิดอยากทำแบรนด์ใหม่ เพราะว่าตอนนั้นเราอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจหลักของครอบครัว ก็คือร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิดค่อนข้างหนัก ส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยความหม่นหมอง อยากทำแบรนด์ที่ส่งความสุขให้กับผู้คนได้ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”

“พวกเรา 2 คนเป็นแฟนตัวยงของดิสนีย์แลนด์ และประทับใจกับโมเดลธุรกิจของดิสนีย์ ที่สร้างสรรค์คาแรกเตอร์การ์ตูนอันเป็นเอกลักษณ์ และนำความสุขให้กับผู้คนทั่วโลก จากความชื่นชอบดิสนีย์แลนด์ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างคาแรกเตอร์ “หมีเนย” ขึ้นมา หวังว่าหมีเนยจะสามารถส่งต่อความสุขให้กับทุกคน เหมือนกับที่คาแรกเตอร์การ์ตูนของดิสนีย์ทำ” เบลล์ - ธนาภา กล่าวเสริม

“บูม-เบลล์” 2 สาว ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ “หมีเนย”

ซึ่งไอเดียการสร้างแบรนด์ Butterbear เริ่มขึ้นในปี 2562 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แบรนด์ขนมหวาน ที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน” ผ่านคาแรกเตอร์สุดน่ารัก “หมีเนย” เริ่มคิกออฟขายคุกกี้ Butterbear ในโลกโซเชียล ในปีถัดมา ด้วยจุดเด่นคือแพคเกจจิ้งสุดน่ารัก และจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

 จนกระทั่งช่วงปี 2566 Butterbear เริ่มมีออร์เดอร์เข้ามามากขึ้น จึงมองหาสถานที่เพื่อขยายธุรกิจสู่ออฟไลน์ โดยเลือกปักหมุดสาขาแรก ณ ชั้น G ดิ เอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าแห่งใหม่ริมถนนสุขุมวิท พร้อมเปิดร้าน “Butterbear Dessert Cafe”

หลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน “หมีเนย” ปลุกกระแสไวรัล ดันแบรนด์ดังเป็นพลุแตก ด้วยจุดเริ่มต้นในหมู่ชาวจีน เหตุจากมีคลิปวิดีโอที่ไปเต้นวันเด็ก และมีคนเอาไปแชร์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจีน จนชาวจีนให้ความสนใจ กลุ่มชาวจีนจึงติดตามและเดินทางมาที่ร้าน เกิดเป็นการแชร์ในโซเชียลแบบออร์แกนิก กลายเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อแม่จีน (แฟนด้อมชาวจีน) แห่เดินทางมาหา “หมีเนย” จนสร้างเป็นปรากฏการณ์ใหม่

 ไม่เพียงเท่านั้น แฟนด้อมชาวไทยเองก็ไม่น้อยหน้า ด้วยคาแรกเตอร์สุดน่ารัก ถูกจริตคนไทยทำให้ตัวเลขแฟนด้อมไทย พุ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด

 “บูม- ธนวรรณ” บอกถึงเคล็ดลับความสำเร็จของ “น้องเนย” ว่า “ฟังเสียงผู้บริโภค ใช้พลังแฟนคลับ พัฒนาสินค้า”  สิ่งสำคัญคือ การทำการตลาดที่ฟังเสียงผู้บริโภค และ ใช้พลังของเหล่าแฟนคลับ หรือ ด้อมน้องเนย ให้เกิดประโยชน์ วางแผนปั้นอัลบั้มเต็มให้ หมีเนย พร้อมชี้ออกซิงเกิ้ลใหม่เร็ว ๆ นี้

“เราพยายามทำการตลาดแบบใกล้ชิดกับลูกค้า ศึกษาว่าลูกค้าชอบอะไร ต้องการอะไร และนำสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาสินค้าและบริการของเรา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ในช่วงแรก Butterbear เป็นเพียงแบรนด์ขนมหวาน แต่เมื่อน้องหมีเนยโด่งดังขึ้น แฟนคลับต่างอยากได้สินค้าที่ระลึก ของสะสม ทางแบรนด์จึงรับฟังเสียงแฟนคลับ พัฒนาสินค้าลิขสิทธิ์ Butterbear ออกมาวางจำหน่าย”

ปัจจุบัน Butterbear มีสินค้าลิขสิทธิ์มากกว่า 40 รายการ เช่น ตุ๊กตา เสื้อยืด แก้วน้ำ และอื่นๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟนคลับอย่างมาก ยังทำให้ยอดใช้จ่ายต่อบิลของ Butterbear เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 300 บาท เป็น 1,500 บาท

“บูม-เบลล์” 2 สาว ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ “หมีเนย”

การส่งต่อความสุขผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบแยบยล แบรนด์วางหมากให้ “หมีเนย” ให้เป็นดาวเด่นตั้งแต่วันแรกที่มีความคิดสร้างแบรนด์ พร้อมโหมโรงการตลาดแบบใหม่ จับ “หมีเนย” ปั้นเป็นไอดอลสาวมีเพลงเป็นของตัวเอง “ชื่อน่ารักมั้ยไม่รู้” พร้อมตระเวนออกรายการทีวีประดุจ ดาราสาวตัวน้อย พลังของโซเชียลดันให้ หมีเนย มีกลุ่มแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กลุ่ม Open chat ทะลุ 3 หมื่นคน แพลตฟอร์ม TikTok มีผู้ติดตามกว่า 6.8 แสนคน ยอดวิวเฉลี่ย 1 ล้านวิวต่อคลิป

 “พลังของเหล่าด้อมน้องหมีเนย มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของ Butterbear แฟนคลับเป็นพลังขับเคลื่อนให้แบรนด์เติบโต Butterbear จึงเป็นตัวอย่างของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด เข้าใจผู้บริโภค และใช้พลังของแฟนคลับอย่างมีประสิทธิภาพ”

 “เราตั้งใจสร้างน้องหมีเนยขึ้นมาเพื่อส่งมอบความสุขให้กับทุกคน และก็ดีใจที่น้องหมีเนยสามารถสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับแฟนคลับได้มากมายขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเป็นห่วงแฟนคลับบางคนที่ต้องทุ่มเทเวลาและพลังงานมากมายเพื่อมารอชมโชว์น้องเนยไม่อยากให้แฟนคลับต้องลำบาก จึงคิดหาวิธีใหม่ เพื่อให้แฟนคลับสามารถชมโชว์น้องเนยได้อย่างสะดวกและปลอดภัยนั่นคือ “ระบบจองตั๋วออนไลน์” ล่วงหน้าแฟนคลับสามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ Butterbear โดยเงินรายได้จากการขายตั๋วทั้งหมด จะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งระบบจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้านี้จะช่วยลดความแออัด และทำให้แฟนคลับสามารถชมโชว์น้องหมีเนยได้อย่างมีความสุข”

 และแม้กระแส “หมีเนย” จะฮอตหรือร้อนแรงแค่ไหน แต่ “บูมและเบลล์” ยังยืนยันว่า จะไม่ขยายร้าน Butterbear ที่มีอยู่เพียง 1 เดียวเพิ่มขึ้น

สุดท้ายนอกจาก “น้องหมีเนย” จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงธุรกิจ ยังถูกยกให้เป็นไอดอลด้าน “Mascot Marketing” ที่มาถูกที่ ถูกเวลา และถูกใจผู้พบเห็น สมกับเป้าหมายของ 2 สาว “บูมและเบลล์” ... “ที่ต้องการให้หมีเนยเกิดมา เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน”