กำลังซื้อซบ ดิจิทัลวอลเล็ตไม่มา ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแผ่ว

21 ก.ค. 2567 | 05:10 น.

ผวากำลังซื้อซบเซา ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า หลัง 2 มหกรรมกีฬาใหญ่ อย่างฟุตบอลยูโร-โอลิมปิก ปลุกตลาดภาพและเสียงไม่ขึ้น ส่วนมาตรการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่มาตามนัด จับตาผู้ประกอบการเฟ้นหากลยุทธ์กระทุ้งยอดขายโค้งท้าย

ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี ด้วยแรงหนุนจากนโยบายช้อปคืนภาษีของรัฐบาล Easy e-Receipt ซึ่งเริ่มสตาร์ทตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ลากยาวเป็นเวลา 45 วัน ถือเป็นโอกาสสำหรับสินค้าระดับบนหรือ ไฮเอนด์ ตามด้วย 2 มหกรรมกีฬาระดับโลก ทั้งการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 และปารีสโอลิมปิกในช่วงกลางปี ซึ่งเป็นความหวังว่าจะสร้างกระแสทำให้สินค้าในกลุ่มภาพและเสียงเติบโตได้ดี

 อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวังคือ “กำลังซื้อ” ที่ซบเซาและส่งสัญญาณหด ตัวอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อเทียบกับการเติบโตระดับเลข 2 หลักในช่วงไตรมาสแรกและช่วงต้นไตรมาส 2

กำลังซื้อซบ ดิจิทัลวอลเล็ตไม่มา ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแผ่ว

นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า 2 ปัจจัยที่เป็นแรงหนุนสำคัญ ทำให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเติบโต คือมาตรการ “Easy e-Receipt” ในช่วงไตรมาสแรก และการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลยูโรและโอลิมปิก ขณะที่อากาศที่ร้อนจัดอุณหภูมิแตะ 40 องศา และยาวนานกว่าปีก่อน น่าจะกระตุ้นให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มความเย็นมีการเติบโตขึ้นไม่ตํ่ากว่า 40% แต่พบว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมในปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 20% ซึ่งเหตุผลสำคัญคือ “กำลังซื้อ” ผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ชะลอการซื้อสินค้าไปด้วย

“ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เริ่มส่งสัญญาณบวกและมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น อย่างไตรมาส 1 มีปัจจัยนโยบาย Easy e-Receipt ดันรายได้เติบโตเป็นตัวเลข

2 หลัก ขณะที่เมื่อก้าวเข้าหน้าร้อนในช่วงไตรมาส 2 ทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม เติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ที่คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 หมื่นล้านบาทจากปีก่อนที่มีมูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 ตลาดรวมอาจจะหดตัวลงมา แต่คาดว่าอานิสงส์ของการแข่งขันกีฬาระดับโลก ทั้งฟุตบอลยูโร 2024 และโอลิมปิกจะดันให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น

กำลังซื้อซบ ดิจิทัลวอลเล็ตไม่มา ฉุดตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแผ่ว

แต่ผลลัพธ์จากการแข่งขันกีฬากลับไม่เห็นตลาดสินค้าภาพและเสียงเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคนไทยมักจะซื้อสินค้าในช่วงการแข่งขันรอบลึก ๆ ส่วนกีฬาโอลิมปิกนั้นนักกีฬาไทยเข้าแข่งขันเพียงบางประเภทเท่านั้น จึงอาจกระตุ้นการซื้อทีวีเพื่อรับชมได้ไม่มาก”

ด้านนายสุวิณ โกษีอํานวย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า คาดว่าฟุตบอลยูโร และกีฬาโอลิมปิก 2024 จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดทีวีช่วงกลางปีนี้มีการขยายตัวขึ้นอีก 15-20% เนื่องจาก “กีฬา” จัดอยู่ในท็อป 5 ของคอนเทนต์ที่คนไทยสนใจติดตามรับชมมากถึง 80% ของประชากร และกีฬาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ฟุตบอล โดยรับชมผ่านหลากหลายช่องทางทั้ง ทีวี โซเชียลมีเดีย สตรีมมิ่ง และ OTT แพลตฟอร์ม

 ส่วนไตรมาส 3 เพาเวอร์บายก็อัดกลยุทธ์ “ดับเบิ้ลคุ้ม” เพื่อปลุกกำลังซื้อผู้บริโภคและกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคัก และให้สอดรับกับเศรษฐกิจที่ผันผวน อัตราเงินเฟ้อ และช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค โดยขนทัพสินค้ามาลดราคาสูงสุด 70% นาน 3 เดือน, นำเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลดสูงสุด 1 หมื่นบาท, ผ่อน 0% นาน 10 เดือน เป็นต้น

 อย่างไรก็ดีทั้งเพาเวอร์บายและเพาเวอร์ มอลล์ ต่างคาดว่ามาตรการดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นฮีโร่ ที่มาช่วยกระตุ้นยอดขายในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงปลายปีนี้ แต่เมื่อภาครัฐออกข้อกำหนดห้ามนำดิจิทัลวอลเล็ต มาใช้จ่ายซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ถือเป็นฝันสลายของผู้ประกอบการ ทำให้ต้องเตรียมปรับกลยุทธ์ที่จะมากระตุ้นยอดขายในโค้งท้ายของปีด้วย