ฮิตาชิมั่นใจ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยยังโต แม้สินค้าจีนถล่มตลาด-ต้นทุนพุ่ง

24 ก.ค. 2567 | 08:35 น.
อัพเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2567 | 08:39 น.

ฮิตาชิ มั่นใจ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยยังแข็งแกร่ง แม้สินค้าจีนถล่มตลาด ต้นทุนสูง จ่อขยายตลาดกลุ่ม Gen Y และ Gen X

นายซาแฟร์ อัสทูเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่าทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้ยังคงขยายตัว แต่ชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยในยุโรป และปัจจัยภายในประเทศ เช่น ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เนื่องจากมีการสนับสนุนจากภาครัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ นอกจากนี้มองว่าไทยยังมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย

สำหรับการนำเข้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนยังไม่น่ากังวลมากนัก แม้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลให้ผู้ผลิตจีนพยายามลดต้นทุนการผลิต และขยายตลาดส่งออก ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของผู้ผลิตจีน อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่ายังสามารถแข่งขันในตลาดไทยได้ แม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แต่คงมองว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงมีโอกาสเติบโต และยังคงมุ่งมั่นลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง

นายซาแฟร์ อัสทูเนอร์

อีกหนึ่งเป้าหมายที่บริษัทให้ความสำคัญ คือการต่อยอดการรับรู้และความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ฮิตาชิในตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มการรับรู้ตัวตนของแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค Gen Y พร้อมกับกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้บริโภค Gen X ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าดั้งเดิมของแบรนด์ ด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การปรับแนวทางผสานจุดแข็ง (Alignment) การเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization) และการขยายตลาดเพิ่มการรับรู้ (Expansion) เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยการแพลตฟอร์มต่างๆ 

นายซาแฟร์ กล่าวว่า ประสบการณ์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ว่า เปรียบเสมือนบททดสอบอันโหดร้ายที่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ช่วง 3 ปีแรก ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดเพราะเราเพิ่งเริ่มก่อตั้งบริษัทในช่วงที่โควิด-19 ระบาดพอดี ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหนัก โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้า

วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์ทั่วโลก เที่ยวบินถูกยกเลิก การขนส่งสินค้าทางเรือล่าช้า สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นอกจากปัญหาโลจิสติกส์แล้ว การสื่อสารยังเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคใหญ่คือการสื่อสารกับพันธมิตร ลูกค้า และพนักงานทำได้ยากขึ้น เพราะต้องอาศัยเทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งบางครั้งก็เกิดข้อผิดพลาดหรือความเข้าใจผิด

ฮิตาชิมั่นใจ ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยยังโต แม้สินค้าจีนถล่มตลาด-ต้นทุนพุ่ง

วิกฤตโควิด-19 ยังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา สร้างความสับสนและยากลำบากต่อการดำเนินธุรกิจการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบบ่อยครั้ง ทำให้เราต้องปรับแผนงานและกลยุทธ์อยู่เสมอ สร้างภาระงานและความเครียดให้กับพนักงาน แม้จะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่บริษัทก็สามารถฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 มาได้ ปัจจุบันเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลดีต่อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่ต้องจับตามอง เช่น เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความตึงเครียดทางการเมืองเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ

ปัจจุบันฮิตาชิ มีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น ปั๊มน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น ณ ตอนนี้มีทั้งหมด 22 แบรนด์ในเครือ มีการส่งออกไปใน 65 ประเทศทั่วโลก สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย มักให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคชาวไทยที่สูงมาก ซึ่งส่งผลให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงแตกต่างจากตลาดในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่ผู้บริโภคอาจยังไม่มีความรู้และความเข้าใจมากเท่า ส่วนเทรนด์มองเห็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้