เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ผลงาน Q2 โกยกำไร 4,556 ล้าน โต 24%

15 ส.ค. 2567 | 08:58 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2567 | 09:00 น.

“เซ็นทรัลพัฒนา” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ทำรายได้รวม 13,483 ล้านโต 21% กำไรสุทธิ 4,556 ล้านโต 24% พร้อมเดินหน้าเปิดตัว Residence ใหม่ 10 โครงการรวด รวมมูลค่ากว่า 13,430 ล้าน

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บัญชีและบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 13,483 ล้านบาท เติบโต 21% และกำไรสุทธิ 4,556 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน

ทั้งนี้บริษัทวางแผนระยะยาวในการลงทุนต่อเนื่อง โดยเตรียมสร้างปรากฏการณ์พัฒนาโครงการ “The World’s New Magnitude” โดยเราจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ มีพื้นที่ทุกโครงการรวมกันกว่า 2.2 ล้าน ตร.ม.  ได้แก่ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค”  จะเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park จะเปิดให้บริการในปี 2568

เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ผลงาน Q2 โกยกำไร 4,556 ล้าน โต 24%

นอกจากนี้เซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้าสร้างระบบธุรกิจที่แข็งแกร่งภายใต้โมเดล ‘The Ecosystem for All’ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งมิติ ของ People (ด้านชุมชน และสังคม) และ Planet (ด้านสิ่งแวดล้อม) ผ่านโปรเจ็กต์ต่างๆ อาทิ โครงการ Better Futures Project 2024 โดยร่วมกับกรุงเทพมหานคร พันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน สานต่อการจัดงาน เพื่อร่วมกันแสดงพลังขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน

การตอกย้ำผู้นำ Festive Landmark Destination ชูความสำเร็จงาน “Thailand’s Songkran Festival 2024” คึกคักทั่วทุกภูมิภาค สร้าง World Phenomenon ผู้ร่วมงานมากถึง 10 ล้านคนทั่วไทย ผลักดันให้เทศกาลสงกรานต์ของไทยเป็น World Festival อย่างแท้จริง และจัด Thailand’s Pride Celebration 2024 “Pride for All” เป็นต้น

นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์

“การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 2 ยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโต โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 17.5 ล้านคน ในครึ่งแรกของปี ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 35-36 ล้านคน ในปีนี้ และจากการพัฒนาโครงการรูปแบบผสม (Mixed-use Development) ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เป็นผลมาจากพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม รวมถึงรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า”

ทั้งนี้ หลังจากเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และนครปฐม ในไตรมาสที่ 1 เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ครบครันยิ่งขึ้น โดยเปิดขายในวันเดียวกับการเปิดตัวศูนย์การค้า ณ สิ้นไตรมาส 2 ทั้ง 2 โครงการมียอดขายแล้วกว่า 90% และ 100% ตามลำดับ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทฯ มีอัตราการขายที่พักอาศัยที่ค่อนข้างสูงในไตรมาสนี้ และล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดขายคอนโดเอสเซ็นท์ บางนา ซึ่งอยู่ห่างจากเซ็นทรัล บางนา ประมาณ 500 เมตร เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 “เซ็นทรัลพัฒนา” มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ แบ่งเป็น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ในกรุงเทพฯ  40 แห่ง และปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกา บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร

เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ผลงาน Q2 โกยกำไร 4,556 ล้าน โต 24%

นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 36 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 9 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 37 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI และ BAAN NIRADA