ตลาดขนมขบเคี้ยวทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 251,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือ 8.4 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการบริโภคขนมขบเคี้ยวที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
ส่วนในประเทศไทย ตลาดขนมขบเคี้ยวมีมูลค่าราว 4 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่ทำจากข้าว ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตสูงขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น
นายโอลิเวอร์ เย้
นายโอลิเวอร์ เย้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ไรซ์ บัดดี้ (Rise Buddy) ขนมข้าวแผ่นอบกรอบจากข้าวไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน ไวด์ เฟธ ฟู้ด มีวางจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันออกและยุโรปเหนือ ฝรั่งเศส และเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ บริษัทยังรับผลิตขนมแผ่นอบกรอบจากข้าวในรูปแบบ ODM หรือ Original Design Manufacture ออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทต่างๆ โดยมีกำลังการผลิตและส่งออกสู่ตลาดโลกรวม 18,900 ตัน / ปี จากฐานการผลิตในประเทศไทยทั้งหมดทั้ง 2 แห่ง พื้นที่กว่า 47 ไร่
ในปีนี้บริษัทมีแผนรุกตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การเลือกใช้พรีเซนเตอร์และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของตลาด
บริษัทจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "ไรซ์ บัดดี้ ไรซ์ ซิปปี้ส์" ขนมข้าวแผ่นอบกรอบในรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับ 4 รสชาติใหม่ ได้แก่ บีบีคิว, ซาวร์ครีมแอนด์ออเนี่ยน, ซีซอลท์ และชีส ชูนวัตกรรมขนมข้าวแผ่นอบกรอบในรูปแบบ Chippies ที่ผลิตจากข้าวไทยเจ้าแรกในตลาด
ด้วยนวัตกรรมการขึ้นรูปขนมที่ผลิตจากข้าวในรูปแบบแผ่นคล้ายมันฝรั่ง ซึ่งเป็นแบรนด์แรกในเซกเม้นต์ตลาดขนมที่ทำจากข้าว ผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยการอบแทนการทอด ไม่มีไขมันทรานส์ เพื่อสุขภาพ
นอกจากนี้ได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรก “นนกุล - ชานน สันตินธรกุล” ตัวแทนคนยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพและเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Rice Chippies-Verse” เพื่อสร้างการรับรู้และถ่ายทอดแบรนด์
สำหรับช่องทางจัดจำหน่าย บริษัทเน้นการกระจายสินค้าทั้งในออนไลน์ และออฟไลน์ โดยช่องทางออนไลน์เน้นขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มาร์เก็ตเพลสอย่าง Shopee Lazada และช่องทางอีคอมเมิร์ซ TikTok
โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีเวลาไปซื้อสินค้านอกบ้าน และในส่วนออฟไลน์เน้นกระจายสินค้าในร้านซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ โดยบริษัทวางเป้าหมายว่าจะเข้าไปเป็นหนึ่งในคู่แข่งตลาด
โดยบริษัทหวังแชร์ส่วนแบ่งยอดในตลาดขนมที่ทำจากข้าว 250 ล้านบาท ในปี 2569 และก้าวไปสู่ความเป็นแบรนด์และผู้จัดจำหน่ายชั้นนำของอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวที่ตอบโจทย์เทรนด์ด้านสุขภาพทั่วโลก