นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาพรวมตลาดอาหารสัตว์โลกมีมูลค่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1.46 ล้านล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ในระดับโลก ส่วนประเทศไทยตลาดอาหารสัตว์มีมูลค่า 40,000 ล้านบาท
สำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา เพราะการขยายผ่านช่องนี้ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ โดยมองว่าตลาดสหรัฐอเมริกา เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการขยายตลาด
ส่วนผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกของเรา เพราะเราได้ตกลงราคาและค่าใช้จ่ายกับลูกค้าไว้เรียบร้อยแล้วในช่วงต้นปีในฐานะผู้ผลิต OEM (ผู้รับจ้างผลิตสินค้า) ลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรง
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก หรือการผลิตสินค้าให้แบรนด์อื่น (OEM) สูงถึง 98-99% ของรายได้ทั้งหมด อีกทั้งบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 15% ในปีนี้ และคาดว่าจะปรับเป้าหมายเป็น 18-19% เนื่องจากผลประกอบการที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก
นอกจากบริษัทคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วง 24-26% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ และสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากอาหารแมวถึง 80% ขณะที่อาหารสุนัขคิดเป็น 20%
แม้ว่ารายได้หลักจะมาจากอาหารแมว แต่บริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขควบคู่กันไป โดยบริษัทมีการใช้ข้อมูลจากศูนย์วิจัยในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาด
โดยอนาคตบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วย หรือมีปัญหาสุขภาพ เพื่อจำหน่ายในโรงพยาบาลสัตว์ นอกจากนี้บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดยุโรป โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศสซึ่งมีศักยภาพสูง และยังให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง
ทั้งนี้บริษัทได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยอาหารแมว i-Catterry ภายในคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เพื่อศึกษาวิจัยด้านโภชนาการและวัดผลความชอบในรสชาติของอาหารแมว เพื่อพัฒนาสูตรอาหารแมวที่มีคุณภาพและรสชาติอร่อยในปริมาณการกินที่เหมาะสม โดยใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท และมีแมวจำนวน 50 ตัว ในการร่วมทดสอบภายในศูนย์
สำหรับศูนย์วิจัยอาหารแมว i-Catterry ได้รับการรับรองจาก AAALAC International สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานสูงสุดด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงการดูแลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้ที่มาปฏิบัติงานภายในศูนย์วิจัย ซึ่งการได้รับการรับรองดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และผู้ที่เกี่ยวข้อง
การก่อตั้งศูนย์วิจัยอาหารแมว i-Catterry ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ในการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และสร้างความแตกต่างในตลาดอาหารสัตว์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอาหารแมวที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่รักสัตว์เลี้ยง และสร้างสรรค์สังคมที่มีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง