เปิดเคล็ดลับ “แม่ละมาย” แค่ขนมหวานไทยๆ แต่ทำไมมียอดขายร้อยล้าน

ขนมหวานแบรนด์ “แม่ละมาย” กลายเป็นต้นแบบให้กับ “SME” เมื่อคว้ารางวัล “SME ยั่งยืน” จากเวที เซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน 2023 ด้วยจุดเริ่มต้นธุรกิจอาหาร จาก 0 จนปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายกว่า 100 ล้านบาท สร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนที่เป็นซัพพลายเออร์ปีละหลายสิบล้านบาท

“วีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุพรรณคิวฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตขนมหวานแบรนด์ “แม่ละมาย” เล่าให้ฟังว่า หลังธุรกิจโรงพิมพ์ประสบวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 จึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา มองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ

และเริ่มต้นด้วย “วุ้นน้ำมะพร้าว NATA de coco” ซึ่งแม้จะไม่มีความรู้เลย แต่ก็ศึกษา และเรียนรู้ โดยวุ้นน้ำมะพร้าว ใช้แบคทีเรียกรดน้ำส้ม Acetobacter xylinum ที่พบได้ทั่วไปในการทำน้ำส้มสายชูหมักตามธรรมชาติ มาหมักน้ำมะพร้าว จนได้ออกมาเป็นวุ้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีไฟเบอร์สูง ถูกจัดให้อยู่ในหมวดสารอาหารประเภทเส้นใย ไม่มีการใช้สารฟอกสี ทำให้สีของวุ้นจะขุ่นกว่าวุ้นปกติ จึงเหมาะกับผู้รักสุขภาพ

จุดเด่นของวุ้นน้ำมะพร้าวคือ “ต้องแตกต่าง” จึงต้องหาสินค้าทางการเกษตรตัวอื่นมาใส่ และมองว่า “เม็ดแมงลัก” น่าจะเข้ากับตัววุ้นน้ำมะพร้าวดีที่สุด พร้อมกับใช้นวัตกรรมเครื่องนวดฝัดเม็ดแมงลักแบบแห้งของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาใช้

เพื่อให้เม็ดแมงลักปราศจากสารปนเปื้อน จนออกมาได้เป็นวุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลักแบบถ้วยวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อปี 2541 เพียง 20 สาขา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 26 ปี

แม้วุ้นน้ำมะพร้าวผสมเม็ดแมงลักจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ “วีระ” ก็เดินหน้าพัฒนาสินค้าอื่นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันแบรนด์ “แม่ละมาย” มีสินค้าวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมด 10 รายการ แบ่งเป็น ขนมหวาน 7 รายการ เครื่องดื่ม 2 รายการ และธัญพืช (แห้ว) 1 รายการ ซึ่งแห้วถือเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567

“แม่ละมาย ยังมุ่งมั่นยกระดับพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นให้มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภค อาทิ ลูกตาล ลูกลาน ใบเตย โดยเลือกรับซื้อสินค้าทางการเกษตรจากเกษตรกรที่เพาะปลูกแบบไร้สารเคมี ผ่านการตรวจสอบจากทางบริษัทก่อนจัดเก็บ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้าจำหน่ายให้กับผู้บริโภค”

คาถาความสำเร็จ “โตไกลไปด้วยกัน”  

“วีระ” บอกว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขาย 300 ล้านบาท เติบโต 20-40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 150 ล้านบาท

“แม้สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นมีเพียง 10 รายการ ในราคาขายต่อชิ้นเพียงหลักสิบบาท แต่ทำไมบริษัทกล้าที่จะตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 300 ล้านบาท สิ่งสำคัญคือ เรามีทีมงานที่ดี แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  ต้นทางคือ เกษตรกรและซัพพลายเออร์ก็ต้องดูแลผลผลิตให้ได้คุณภาพตามความต้องการ

กลางทาง คือ บริษัทก็ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดีมีคุณภาพ ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกวัตถุดิบ โดยทางบริษัทจะมีการบันทึกแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อเวลามีปัญหาบริษัทจะได้เข้าไปแก้ไขได้ตรงจุด  เป็นต้น มีพันธมิตรที่คอยสนับสนุนและประสานงานในทุกด้าน

มีเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างมาตลอด พร้อมมอบความรู้และคำแนะนำดีๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการอบรม การหาพันธมิตรในการเชื่อมโยงเครือข่ายในการต่อยอดสินค้า เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถส่งต่อความรู้เหล่านั้นสู่ทีมต้นทาง เพื่อผลิตวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพพร้อมส่งต่อไปยังผู้บริโภค

เมื่อผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพก็จะเกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ เรียกว่าเป็นการสร้างการเติบโตไปด้วยกันในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง กำไรหรือเรื่องเงินเป็นแค่องค์ประกอบของการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ Key Success ของธุรกิจ ถ้าทำธุรกิจได้แบบนี้ยังไงก็ประสบความสำเร็จและเติบโตยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วประเทศและสร้างรายได้กลับสู่ชุมชนปีละหลาย 10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของยอดขาย”

“วีระ” ย้ำกว่า การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มยอดขายในระยะสั้น แต่เป็นการพัฒนาสมดุลระหว่างธุรกิจ คู่ค้า และผู้บริโภคแบบระยะยาว