หลังเข้าร่วมงาน ThaiFex 2024 และเปิดตัวสินค้าใหม่ “ปลาดุกสหฟาร์ม” พร้อมประกาศรุกธุรกิจประมงเพื่อการส่งออก ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และยังได้รับเกียรติจากทางอธิการบดีกรมประมงในการเข้าเยี่ยมชมกิจการสหฟาร์มประมงลพบุรี ณ โรงงานสหฟาร์ม จังหวัดลพบุรี เป็นครั้งแรก ทำให้สหฟาร์มมีแผนรุกตลาดเต็มที่
นางสาวจารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายการตลาดต่างประเทศ บัญชี การเงิน และเลขานุการประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (SAHA FARMS) กล่าวว่า สหฟาร์มมีโอกาสนำเสนอกรรมวิธีและขั้นตอนการเลี้ยงปลาดุกครบวงจรของสหฟาร์ม ที่มีทั้งพ่อแม่พันธุ์ปลาของตัวเอง มีโรงงานอาหารสัตว์อัดเม็ดสำหรับปลาดุก โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีบ่อปลาดุกธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี และโรงงานหั่นที่ได้มาตรฐานทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
โดยในปีนี้มุ่งมั่นในผลักดันในธุรกิจประมง เนื่องจากเดิมทีสหฟาร์ม ได้มีการเริ่มดำเนินการเลี้ยงปลาดุกมาตั้งแต่ ปี 2545 โดยได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้เป็นปลาดุกสายพันธุ์เฉพาะของสหฟาร์มเอง โดยตั้งชื่อให้สายพันธุ์นี้ว่า “ปลาดุกบิ๊กอุยสหฟาร์ม” และด้วยกรรมวิธีการเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติ ที่ดูแลและใส่ใจในทุกขั้นตอน
สำหรับปลาดุกสหฟาร์มจะใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงถึง 4-5 เดือน จึงจะสามารถคัดไซส์และจับขายได้ อย่างปลาดุก ขนาด 3-4 ตัว/กิโลกรัม จะไว้สำหรับทั้งขายส่ง-ขายปลีก ให้แก่ลูกค้าในจังหวัดต่างๆ อาทิ พิษณุโลก, นครสวรรค์, แม่สอด เชียงราย, เลย, ชัยภูมิ รวมทั้งกรุงเทพและปริมลฑล
ส่วนปลาดุกที่ขนาด 1-2 ตัว/กิโลกรัม ก็จะคัดสู่โรงหั่นปลาเพื่อหั่นชิ้นโดยเครื่องจักรที่ทันสมัย มีระบบการจัดการแบบโรงงานที่เน้นเรื่องของความสะอาดในทุกๆ ขั้นตอนการผลิตและทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากกระบวนการอันมีมาตรฐาน และจากความนิยมของลูกค้า บวกกับปลาดุกถือเป็นปลาเศรษฐกิจ จึงทำให้สหฟาร์มต้องการต่อยอดความสำเร็จนี้ ผ่านการผลักดันปลาดุกไทยให้เกิดโอกาสทางการตลาดสู่ประตูการค้าโลก และยังเป็นการเพิ่มทางเลือกของเนื้อสัตว์ให้แก่ผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
นางสาวจารุวรรณ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนและกรรมวิธีการเลี้ยงปลาดุกสหฟาร์ม เพื่อให้ได้มาซึ่งปลาดุกคุณภาพดีนั้นมีการจัดการแบบพิเศษ โดยกิจการประมงได้นำน้ำที่บำบัดแล้วของสหฟาร์มมาใช้ในการเลี้ยงปลาดุก ซึ่งเราจะมีการวางระบบน้ำให้เป็นระบบแบบหมุนเวียน ไม่ปล่อยให้น้ำออกนอกบริเวณของที่เลี้ยง
น้ำที่เปลี่ยนถ่ายจากการเลี้ยงปลาดุกจะนำมาพักในอ่างเก็บน้ำซึ่งมีประมาณจำนวน 10 ไร่ เพื่อช่วยในการบำบัดน้ำเสีย มีการเติมออกซิเจน (Oxygen) ในน้ำเพื่อเป็นการช่วยบำบัดน้ำอีกทางหนึ่งเพื่อให้ปลาขับของเสีย ลดกลิ่นโคลน ลดกลิ่นคาว เราจะมีการถ่ายน้ำออกจากบ่อทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้น้ำสะอาดและมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอโดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ และมีการวางขนาดของบ่อเลี้ยงปลา 1 ไร่
ซึ่งจะจำกัดปริมาณปลาเลี้ยงในปริมาณพอเหมาะ ไม่เกิน 20,000 ตัวต่อบ่อ เพื่อลดความแออัด และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ สร้างระบบน้ำหมุนเวียนตลอดทำให้ได้ปลาดุกที่มีคุณภาพ แข็งแรง ถูกสุขลักษณะอนามัย ทั้งนี้ในกรณีหากเกิดน้ำเสียระหว่างที่เลี้ยง ก็จะทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ทันทีเพื่อไม่ให้ปลาป่วย
ปัจจุบันในบ่อเพาะขยายพันธุ์ปลาดุกสหฟาร์มสามารถผลิตลูกปลาได้ราว 120 ล้านตัว/เดือน โดยสหฟาร์มได้มีบ่อเลี้ยงปลาดุกมากถึง 375 บ่อ ซึ่งแบ่งเป็น กิจการประมงลพบุรี จำนวน 138 บ่อ/ จำนวน 242 ไร่ และกิจการประมงเพชรบูรณ์ จำนวน 237 บ่อ/จำนวน 600 ไร่ โดยมีกำลังการผลิตทั้งจากของลพบุรีและเพชรบูรณ์ ที่สามารถเลี้ยงปลาได้เฉลี่ย 350 ตัน/เดือน เลยทีเดียว
จากกระบวนการคุณภาพที่ได้มาตรฐานทำให้สหฟาร์ม ได้รับมาตรฐานจีเอพี มกษ.(GAP มกษ.) จากกรมประมง และทางบริษัทฯ ยังได้รับมาตรฐานฮาลาล(Halal) และเครื่องหมายฮาลาล (Halal) จากสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในสินค้าปลาดุกหั่นเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย
ซึ่งมาตรฐานฮาลาล (Halal) เป็นมาตรฐานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและเป็นการเปิดตลาดผู้บริโภคกลุ่มฮาลาล ให้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ที่จะมีการส่งออกในอนาคต เพราะเครื่องหมายฮาลาล จะเน้นย้ำถึงความสะอาดในกระบวนการการผลิตและการบรรจุภัณฑ์ ทุกขั้นตอน ก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค
เรามั่นใจในคุณภาพมาตรฐานของปลาดุกสหฟาร์ม ทั้งในจุดเด่นคือเนื้อแน่น หนังหนากว่าปลาดุกที่อื่นๆ ทำให้ตัวปลาจะไม่มีแผลหนังหรือถลอกง่ายเวลาขนส่งปลาสด และเมื่อนำไปประกอบอาหาร เช่น การนำปลาไปย่าง หนังปลาจะไม่หลุดติดตะแกรงย่าง ทำให้ได้ปลาดุกย่างออกมาแล้วเนื้อสวยหนังสวย
อีกทั้งยังไม่มีสารเคมีใดๆ ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศได้ไม่ยาก สำหรับปลาดุกสหฟาร์มในตอนนี้สินค้าเราก็ มีอยู่ 3 แบบ คือแบบปลาดุกตัว ที่เราขายทั้งปลีก-ขายส่ง และมีแบบหั่นชิ้น เหมาะเอาไว้สำหรับปรุงอาหาร ประเภท แกง ผัด นอกจากนี้เรายังเพิ่มแบบแล่เนื้อ แบบนี้จะไม่มีก้าง จะได้เนื้อล้วนชิ้นใหญ่ เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามในแผนขั้นต่อไป สหฟาร์มตั้งเป้าผลักดันปลาดุกไทยเพื่อการส่งออก โดยยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับกลุ่มเป้าหมายประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศแถบอเมริกา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาในการผลักดันใน 1-2 ปีนี้